ผีเปรต ที่เรามักได้ยินทั้งเรื่องเล่า มาตั้งแต่สมัยเรายังเด็ก หรือแม้กระทั่งคำสอนที่บอกว่าอย่าตีพ่อแม่ อย่าเถียง หรืออย่าทำร้าย สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราเป็นเปรตได้จริงใช่มั้ย วันนี้เรามาฟังกันค่ะ
“ผีเปรต” เป็นเรื่องจริงหรือแค่ตำนาน
“ผีเปรต” คำนี้ พวกเราก็มักจะได้ยินจากคนเฒ่าคนแก่ บอกว่าเป็น ผีที่ตัวสูง สูงมากเท่าต้นตาล มีลำแขนที่ยาว มือใหญ่เท่าใบลาน ปากเล็กเท่ารูเข็ม และอาศัยอยู่ตามวัด จะคอยส่งเสียงร้องหวีดเล็กแหลม เพื่อขอส่วนบุญ แน่นอนค่ะ เด็ก ๆ ก็จะถามกันว่า แล้วทำอะไรถึงจะกลายเป็นผีเปรต คนเฒ่าคนแก่ ปู่ย่าตายายก็จะคอยสอนว่าพวกเราว่าอย่าเถียงพ่อแม่นะปากจะเล็กเท่ารูเข็ม เคยได้ยินกันใช่มั้ยล่ะค่ะ
อย่าตีพ่อแม่นะมือจะใหญ่เท่าใบลาน เราก็จะได้ยินกันประมาณนี้ แต่จากประสบการณ์ที่เคยได้ยินมามีคนที่เคยพบเจอผีเปรตคือ ชาวบ้านที่ออกหาปลาในช่วงเวลา เที่ยงคืนครึ่งเดินผ่านไปทางวัด พอเดินไปถึงช่วงท้ายวัดที่เป็นป่าช้าเขาได้ยินเสียงหวีดเล็กส่งเสียงลากยาวจนเสียดหู ชาวบ้านคนนั้นได้หันไปหาต้นเหตุของเสียงว่ามาจากไหนเขาก็ได้พบกับร่างหนึ่งที่ทรงเหมือนมนุษย์ที่มีตัวที่สูงใหญ่
เขาได้ยืนอยู่ระหว่างขาของผีเปรตตนนั้นพอดี พอเขาได้เห็นเช่นนั้น ทำให้ชาวบ้านผู้นั้นสติแตกวิ่งกลับบ้านนอนจับไข้หัวโกร๋นกันเลย ชาวบ้านที่พบเห็นผีเปรตไม่ได้มีแค่คนเดียว เรื่องราวการพบเจอเปรตถูกเล่ากันมาปากต่อปาก
ตำนาน ความเชื่อ เรื่อง “ผีเปรต” ของคนไทย
ในสังคมไทยของเรา ส่วนใหญ่จะเชื่อว่าผีเปรตนั้นมีอยู่จริง และทางพระพุทธศาสนาของเรายืนยัน นอนยันกันเลยว่าผีเปรตมีอยู่จริงค่ะ เพราะบันทึกอยู่ในพระไตรปิฎก ผีเปรตตามความเข้าใจของสังคมคนไทย ที่มีหลักฐานจะพูดถึง เปรตวัดสุทัศนเทพวราราม ซึ่งแน่นอนว่า ใคร ๆ ก็จะต้องได้ยินประโยคนี้ และก็จะมีประโยคเด็ดคือ “แร้งวัดสระเกศ เปรตวัดสุทัศน์ฯ” ซึ่งบอกถึงความหมายว่าทั้งสองสถานที่นี้จะมีแร้งกับผีเปรตเยอะนั่นเอง
และในยุคเก่า สมัยก่อนนั้นมีผู้คนตายเป็นจำนวนมากด้วยโรคห่า และได้มีการนำศพไปทิ้งไว้เป็นจำนวนมากจนทำให้มีแร้งมาที่วัดสระเกศ เพื่อมากัดกินร่างที่ไร้ชีวิตนั่นเอง และส่วนวัดสุทัศน์มีคนเคยเห็นเปรต อยู่ที่วัดซึ่งมีลำตัวสูงเท่ากับเสาชิงช้าเลยทีเดียว ซึ่งในบริเวณนี้จะมีพราหมณ์มาจับกลุ่มอยู่กันเป็นจำนวนมากเลยค่ะ ในยุคนั้นในหลวงรัชกาลที่ 6 ได้ทรงตรัสเรียก “เปรตสะพานหัน” เอาไว้เรียกพวกขอทานนั่นเอง
และผีเปรต มีความเชื่อต้นกำเนิดมาจากอินเดียอีกด้วย คือพวกเปรตเป็นจำพวกสัตว์ ในอบายภูมิของคนที่ตายไปแล้วนั่นเอง และภพภูมิของเปรตจะมีผู้ปกครองเป็น มหิทธิกา ลักษณะโดยการแบ่งพวก จะแยกด้วยผลกรรมของแต่ละตน ว่าทำกรรมมาแบบไหนบ้าง มีการจารึกเอาไว้เป็นเปตกถาด้วย ซึ่งจะอยู่ที่วัดพระเชตุพนฯ แบ่งจำพวกเปรตออกเป็น 12 จำพวกดังต่อไปนี้
วันตาสาเปรต = จะเป็นลักษณะของเปรตนี้ จะมีความอยากกินน้ำอยู่ตลอดเวลาเลยค่ะ แต่ไมสามารถกินน้ำได้ ต้องกินเสมหะ กินเหงื่อ หรือกินของเหลือเดนของผู้อื่น และเปรตในตระกูลนี้จะทำกรรมมาจากการที่ตัวเองมีความขี้เหนียว ใครที่มาขออาหาร ก็ไม่ยอมให้แถมยังสบถใส่ทำรังเกียจทำกิริยาไม่ดีใส่เขาด้วยการถ่มน้ำลายใส่ ไม่เคารพในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
กุณปขาทาเปรต = เปรตที่อยู่ด้วยการกินซากศพ อุบัติเป็นเปรตเนื่องด้วยชาติที่แล้วมีตระหนี่ไม่บริจาคไม่มีความเคารพในการให้ทาน
คูถขาทาเปรต = เปรตตระกูลนี้จะกินอุจจาระเป็นอาหาร กรรมที่ทำชาติที่แล้วมีความขี้เหนียวกับญาติของตนเอง ไม่ให้ความช่วยเหลือใดๆทั้งสิ้นแถมขับไล่อีกด้วยการด่าหยาบคายด้วย
อัคคิชาลมุขาเปรต = ลักษณะจะมีไฟลุกที่ปากเกิดการเจ็บปวดตลอดเวลา กรรมที่ทำมาจากชาติที่แล้วมีความตระหนี่ แกล้งคนอื่นด้วยการให้ของร้อนคนที่มาขออาหารกินทำให้ได้ความทุกข์
สุจิมุขาเปรต = ลักษณะร่างประหลาดท้องจะใหญ่คอจะยาวปากเท่ารูเข็มกินอะไรไม่ได้ กรรมที่ทำด้วยไม่เคยทำบุญตักบาตร แถมจะยุให้คนอื่นทำตามตนด้วย
ตัณหาชิตาเปรต = เป็นเปรตที่กระหายน้ำตลอด เห็นบ่อหรือสระก็จะวิ่งไปด้วยอาการดีใจแต่พอไปถึงบ่อน้ำนั้นจะหายไปกลายเป็นเลือด กรรมที่ทำชาติที่แล้วมีความหวงน้ำไม่ให้ใครได้ใช้ดื่มกิน
นิชฌามักกาเปรต = จะเป็นเปรตที่ร่างกายมีแต่กระดูก ตัวเหม็นมือเท้าหงิก มีเขี้ยวงอกอยู่สถานที่เดิม และไปไหนไม่ได้ กรรมที่ทำชาติก่อนมีจิตใจที่หยาบคายจิตอกุศล เกลียดคนมีศีล เบียดเบียนคนแก่ ฆ่าท่านทำให้ตกใจเพื่อจะได้ครองสมบัตินั่นเองค่ะ
สัพพังคาเปรต = เป็นเปรตที่เล็บมือเท้ายาวคมเหมือนอาวุธ มีไว้เพื่อข่วนร่างกายตัวเองให้เป็นอาหารตัวเอง กรรมที่ทำมาชาติที่แล้วเป็นคนที่ชอบเอาเปรียบชาวบ้าน รังแกพ่อแม่ตัวเองจากการหยิกข่วน
ปัพพตังคาเปรต = จะเป็นเปรตที่ร่างกายสูงใหญ่เหมือนภูเขาเลยค่ะ ร่างกายเหมือนถูกไฟคอกตลอดเวลา ต้องนอนกลิ้งเพื่อให้ไฟดับบ้างเพราะได้รับความทุกแสนสาหัสมาก ๆ กรรมที่สร้างชาติที่แล้ว เป็นคนที่เผากฏิ เผาบ้าน เผาโรงเรียน ทำลายสถานที่ต่าง ๆ
อชครเปรต = เป็นเปรตร่างสัตว์เดียรัจฉาน ซึ่งร่างจะถูกเผาไหม้ตลอดเวลา ทำกรรมจากเมื่อเห็นนักบวชจะมีการด่าหรือเปรียบเทียบท่านเป็นสัตว์ ไม่ให้ทาน
เวมานิกเปรต = เป็นเปรตที่มีวิมารเป็นของตัวเองค่ะ เรียกได้ว่าเป็นเทวดาในตอนกลางวัน กลางคืนเป็นเปรตนั่นเอง สำหรับกรรมที่ทำชาติที่แล้ว เป็นคนที่ทำบุญเยอะแต่ไม่รักษาศีลควบคู่ไปด้วย มีข้อสงสัยในบุญบาป
มหิทธิกาเปรต = เปรตที่มีฤทธิ์เหมือนเทวดาแต่มีความหิวโหยตลอดกินสิ่งสกปรกเป็นอาหาร กรรมที่ทำชาติที่แล้วเป็นนักบวชแต่มีจิตใจที่มีความโลภ โกรธ หลง ไม่บำเพ็ญตามวิสัยของบรรพชิต
เป็นยังไงกันบ้างคะ วันนี้แอดพามารู้จัก เรื่องราวประวัติความเป็นมาของผีเปรต รวมถึงในเรื่องของเปรตจำพวกต่าง ๆ ครบเลย ซึ่งแต่ละจำพวกก็จะมีความทรมานที่แตกต่างกัน อยู่ที่ว่าในชาติก่อน คุณทำอะไรเอาไว้บ้าง อย่าลืมหมั่นสร้างบุญกุศลเอาไว้มาก ๆ อย่าทำผิดศีลธรรม หรือทำเรื่องที่ไม่ดี เป็นบาปนะคะ