ขนหัวลุกกับ 3 แยกผีดุ เรื่องเล่าที่จดจำไปจนวันตาย กับทาง 3 แยกที่เฮี้ยน และมีวิญญาณที่หลอนอย่างมากมายที่ยังมีการวนเวียนอยู่
เรื่องเล่า 3 แยกผีดุ แยกที่มีเรื่องเล่ามากมาย
3 แยกผีดุ เรื่องราวที่เราจะมาเล่าในวันนี้เป็นเรื่องราวของ 3แยก แห่งหนึ่ง ที่มีเรื่องเล่า และเหตุการณ์อุบัติเหตุขึ้นอย่างมากมาย และแน่นอนว่าที่ใดมีคนตายก็ย่อมมีเรื่องราวหลอน ๆ เสมอ ซึ่งขออธิบายแยกนี้ก่อน แยกแห่งนี้จะเป็น 3 แยกเหมือนกลับแยกทั่วไป แต่สิ่งที่อาจจะต่างไปหน่อยคือ แยกแห่งนี้จะมีถนนหนึ่งเส้นที่เป็นสะพานข้ามแม่น้ำ ซึ่งจะเป็นสะพานแบบเนินสูง และถ้าจะข้ามสะพานนั้นจะต้องผ่านโค้งที่หักศอกก่อนขึ้นสะพาน ซึ่งแยกนี้เป็นที่ชนบทหน่อย ไม่ค่อยมีไฟถนน ทางค่อนข้างมืด หากว่าไม่ใช่คนพื้นที่ก็จะหลุดโค้งกันอยู่บ่อย ๆ ซึ่งก็เกิดอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้ง
ทั้งนี้ในสมัยก่อน ด้วยความที่ถนนเส้นนี้เป็นเส้นที่เปลี่ยวมาก ข้างทางเต็มไปด้วยป่า ทั้งยังมีบ้านคนน้อยอย่างมาก จึงเคยมีเหตุการณ์ฆ่า ข่มขืน ต่าง ๆ มากมาย ซึ่งแน่นอนว่าวิญญาณต่าง ๆ ที่ได้เสียชีวิตบางส่วนก็ยังมีวนเวียนอยู่แถว ๆ นั้นบ้าง บางคนที่ขับผ่านเส้นนี้ถ้าเป็นคนจิตอ่อนก็จะพบเจอผู้หญิงนั่งอยู่บนไหล่สะพาน บ้างก็เจอผู้หญิงโบกรถขอไปด้วยก็มี ซึ่งเมื่อเขาได้รับผู้หญิงขึ้นรถไป พอหันดูกระจกก็เห็นผู้หญิงสาวนั้นหน้าตาบิดเบี้ยวไม่เหมือนคน ก็พากันหลอนไป บางคนก็เจอผู้ชายที่หน้าตาน่ากลัวยืนโบกรถก็มี
ถนนเส้นนี้มาพร้อมกับความหลอน ทั้งยังมืดสนิททำให้บางทีเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายอย่างมาก บางคนที่ขับผ่านก็เห็นเป็นหมาตัวสีดำตัดหน้ารถของเรา เมื่อเขาขับรถชน พาลงไปดูที่หน้ารถกลับกลายเป็นว่าไม่มีอะไร แต่เมื่อพอขึ้นรถกลับพบว่าเห็นผู้หญิงยืนอยู่หน้ารถก็มี บางท่านถึงกับจับไข้กันเลยทีเดียว ซึ่งเหตุการณ์ที่หลอนในวันนี้ที่เราจะมาเล่าเป็นเรื่องของคุณเอ(นามสมมุติ) ซึ่งคุณเอนั้นเป็นคนในพื้นที่ โดยปกติแล้วก็จะให้เส้นทางนี้ในการเดินทางเพื่อไปในเมืองอยู่แล้ว
ในวันนี้เขาได้ใช้เส้นทางนี้เพื่อที่จะไปเยี่ยมแม่ของเขาที่ป่วยแล้วเข้าโรงพยาบาล เมื่อเข้าไปถึงโรงพยาบาล เขาได้เดินออกมาเพื่อซื้อของให้แม่ของเขาที่หน้าโรงพยาบาล เมื่อเขาเลือกซื้อผลไม้ที่หน้าโรงพยาบาล แม่ค้าที่ขายผลไม้บอกกับเขาว่า “หนูช่วงนี้หนูดวงตกนะ ทำบุญบ้างนะลูก” ซึ่งในตอนนั้นที่เขาได้ฟัง เขาก็ได้แค่ยิ้มให้แม่ค้าเพราะโดยส่วนตัวคุณเอไม่ได้เป็นที่เชื่อเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว เมื่อเขาซื้อเสร็จเขาก็นำไปเล่าให้แม่ของเขาฟัง และพูดกับแม่ว่า “ดวงตกอะไร แม่ค้าก็พูดไปเรื่อย ก็คงจะทักไปเรื่อยนั่นแหละ” เมื่อแม่ของเขาได้ยินแบบนั้นจึงบอกเขาว่าเรื่องแบบนี้ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่นะลูก
เมื่อเขาเฝ้าแม่จนถึงช่วงเย็นของวันนั้น พี่ชายเขาก็ได้มาเปลี่ยนเพื่อที่จะให้คุณเอกลับบ้านไปพักผ่อน ในตอนที่เขาขับรถกลับบ้านช่วงเย็นของวันนั้น เขาได้ผ่าน 3 แยกแห่งนี้ และเมื่อเขาชะลอรถมอไซค์ของเขาเพื่อที่จะดูรถทางซ้าย ขวา เขาก็มีโทรศัพท์เข้ามาพอดี ทำให้เขานั้นต้องจอดรถเพื่อที่จะรับสายโทรศัพท์ เมื่อเขาคุยโทรศัพท์เสร็จเขาก็ทำการสตาร์ทมอไซค์ของเขา ด้วยความที่รถของเขานั้นไม่มีการสตาร์ทแบบมือ เขาต้องสตาร์ทตรงเท้า เพราะในสมัยนั้นรถส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยมีการกดปุ่มตรงมือเพื่อที่จะสตาร์ท เมื่อเขาเหยียบลงไป 2-3 ที รถของเขาก็ไม่ติดสักที ซึ่งในตอนนั้นเขารู้สึกว่ารถของเขานั้นหนักเหมือนว่ามีคนซ้อนท้ายอยู่
แต่ในตอนนั้นเขาก็ไม่ได้คิดอะไร หงุดหงิดใส่รถว่าทำไมถึงสตาร์ทไม่ติดสักที จนเมื่อรถของเขาสตาร์ทติด เขาก็ขับไปโดยปกติ จนเมื่อเขาถึงบ้าน ก็มีป้าของเขาขับรถมาหาเขาที่บ้าน ในตอนนี้เขาก็คิดว่าป้าคงมาถามข่าวแม่ของเขาที่เข้าโรงพยาบาล เขาก็ไม่ได้คิดอะไร เข้าบ้านเพื่อไปอาบน้ำ จนออกมาป้าเขาก็ยังนั่งรอคุยอยู่ เขาจึงรีบแต่งตัวเพื่อที่จะไปอัปเดตอาการของแม่เขาให้ป้าฟัง เมื่อมานั่งลงหน้าป้า ป้าก็ได้แต่มองไปรอบ ๆ บ้าน ซึ่งเขาก็อัปเดตอาการให้ป้าฟัง แต่ป้าของเขานั้นไม่ได้มีท่าทีที่จะสนใจคำพูดของเขาเลย
จนป้าได้ถามมาหนึ่งคำว่า “แกเอาผู้ชายที่ไหนซ้อนท้ายมอไซค์มาด้วย แม่ไปนอนโรงพยาบาลแค่นี้ทำไมต้องเอาผู้ชายมาด้วย” เมื่อเขาได้ฟังแบบนั้นก็หงุดหงิดป้าไปอีก คิดว่าป้าตามมาเพื่อที่จะหาเรื่องเขา เขาจึงตอบป้าไปว่า “ไม่มีหนูมาคนเดียว” ซึ่งในตอนนั้นป้าก็ไม่เชื่อ เขาจึงพาป้าเดินค้นทั่วบ้านแบบทุกซอกทุกมุม จนเห็นว่าไม่มีใครจริง ๆ ซึ่งป้าของเขาก็ยังยืนยันว่าป้าเห็นมีผู้ชายซ้อนมาจริง ๆ ตอนที่เอขับผ่านบ้านป้า ป้ายังคุยกับลุงอยู่เลยว่าไอ้เอมันเอาผู้ชายที่ไหนซ้อนมาด้วย ป้าเลยขับรถตามมาติด ๆ เพื่อที่จะมาสอนว่ามันไม่สมควรทำ ทั้ง ๆ ที่ตามมาติด ๆ ซึ่งมันก็เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่ผู้ชายคนนั้นจะไปที่อื่น
ป้าได้แต่แปลกใจว่าผู้ชายคนนั้นหายไปไหนกัน ซึ่งเมื่อเขาเริ่มรู้สึกแปลก ๆ ดังนั้น ป้าจึงไปรับลุงมาเพื่อที่จะยืนยันว่าเห็นจริง ๆ ส่วนฝั่งคุณเอก็ยืนยันว่ามาคนเดียวจริง ๆ เขาจึงมานั่งไล่เรียงลำดับเหตุการณ์ต่าง ๆ จนคิดออกว่าได้ไปจอดรถเพื่อที่จะรับโทรศัพท์ที่ตรง 3 แยกผีดุตรงนั้น และเมื่อเขาเล่าให้ป้าฟังเสร็จ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเขาเริ่มรู้สึกว่ารถของเขานั้นหนักขึ้น เหมือนกับว่ามีคนมานั่งซ้อนท้าย และเขาก็เล่าให้ป้าเขาฟัง และเมื่อป้าได้ฟังดังนั้นป้าก็บอกว่า “ใครสั่งใครสอนให้ไปจอดที่ 3 แยกนั้น” ซึ่งเขาก็งงมาก และป้าก็บอกว่าเมื่อบ่ายของวันนี้มีรถ 10 ล้อชนมอไซค์ แล้วไอ้คนที่ถูกชนก็บ้านอยู่ตรงหน้าปากซอยบ้านเอ็งนี่แหละ ตอนนี้ศพอยู่ที่โรงพยาบาล เขาน่าจะเอาศพมาวัดพรุ่งนี้ เมื่อเขาได้ยินดังนั้นก็ตกใจ และเริ่มกลัวอย่างมาก จนต้องไปนอนที่บ้านป้าของเขา
เมื่อถึงบ้านของป้า ป้าก็คิดว่าไอ้หนุ่มนั้นมันคงอยากจะกลับบ้าน คงอาจจะยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองนั้นตายไปแล้ว เรื่องมันพึ่งเกิด พี่ชายเอ็งไม่เล่าให้ฟังหรอ คุณเอได้ยินแบบนั้นก็โทรศัพท์ไปหาพี่ชายของเขาเพื่อที่จะสอบถาม ซึ่งพี่ชายของเขาก็ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง แต่เขานั้นมัวแต่ห่วงแม่เลยไม่ได้เล่าให้ฟัง คุณเอได้แต่นอนคิดเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วก็นึกถึงคำของแม่ค้าผลไม้ที่เขาได้ทักเอาไว้ว่าเขานั้นดวงตก จนเช้าตรู่วันนั้นเขาได้ตื่นมาเพื่อที่จะใส่บาตรทำบุญ กรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร และอุทิศส่วนบุญให้กับดวงวิญญาณที่ซ้อนท้ายรถของเขาในวันนั้น
เรื่องในวันนั้นทำให้คุณเอนั้นเป็นคนที่เชื่อเรื่องลี้ลับ และเป็นคนที่กลัวเรื่องลี้ลับเป็นอย่างมาก จากคนที่ไม่มีความเชื่ออะไรเลย กลายเป็นคนที่ทำบุญใส่บาตร และเขาก็ได้นำเรื่องเล่านี้ไปเล่าให้แม่ของผู้ชายที่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุเพื่อที่จะให้เขานั้นทำพิธีอัญเชิญวิญญาณของผู้ชายคนนั้นเพื่อที่จะกลับบ้าน หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นเขาก็ไม่กล้าที่จะจอดรถตรง 3 แยกผีดุแห่งนั้นอีกเลย
ขอบคุณรูปภาพจาก: thehouse