เรื่องเล่า โรงแรมหลอนเขาหลัก เป็นเรื่องเล่าของคู่รักคู่หนึ่งที่ได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวพักผ่อนที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่เขาหลัก พร้อมขนลุกแล้วหรือยัง
เรื่องสยอง โรงแรมหลอนเขาหลัก
โรงแรมหลอนเขาหลัก ซึ่งถ้าหากใครที่กำลังไปเที่ยว ทะเล ห้ามพลาดโดยเด็ดขาดเพราะเรื่องนี่เป็นเรื่องเล่าที่หลอนอย่างมาก ก็อย่างที่ทุกคนรู้กันว่าเมื่อปี 2547 ได้เกิดสึนามิถล่มที่ไทย ซึ่งจุดที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด มีจำนวนผู้เสียชีวิตอย่างมากมาย และมีจำนวนของผู้สูญหายมากมายอยู่ที่ เขาหลัก ซึ่งเรื่องราวนี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างมากมายทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ หากที่ไหนที่มีคนเสียชีวิตก็จะมีความเชื่อกันว่าวิญญาณนั้นอาจจะไม่ไปไหนแต่อาจจะวนเวียนอยู่ในจุดนั้นก็เป็นได้
ซึ่งวันนี้เรื่องที่เราจะมาเล่าเป็นเรื่องของคู่รักคู่หนึ่งชื่อ เอและบี (นามสมมุติ) ซึ่งคู่รักคู่นี้ได้ทำการวางแผนไปเที่ยวทะเลที่เขาหลักเพื่อที่จะหยุดพักผ่อน เมื่อพวกเขาเดินทางจนถึงที่เขาหลักจากนั้น พวกเขาได้มีการแวะที่บ้านเพื่อนของเขาเพื่อที่จะแวะทักทายเพื่อนของคุณเอจากที่ไม่ได้เจอกันมานาน จากนั้นเพื่อนคุณเอก็ถามว่า
เพื่อนคุณเอ : วันนี้พักที่โรงแรมไหนหรอ
คุณเอ : พักที่โรงแรม …. นี้เอง
เมื่อเพื่อนคุณเอได้ยินชื่อโรงแรมแห่งนั้นก็มีสีหน้าท่าทางที่ตกใจอย่างมาก แต่เพื่อนของเขาก็ไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น ซึ่งพวกเขาก็มีการดื่มสังสรรค์กันเล็กน้อยตามประสาเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน ในระหว่างที่ดื่มกันนั้นเพื่อนของเขาก็มีสีหน้าที่ดูกังวล พยายามจะบอกอะไรบางอย่างแต่เขากลับไม่บอก แต่สิ่งที่เขาพูดซ้ำตลอดคือ “ก่อนนอนอย่าลืมสวดมนต์ด้วยนะ” ซึ่งเขาพยายามถามเพื่อนของเขาว่ามีอะไรหรือเปล่า เพื่อนเขาก็บอกแค่ว่าไม่มีอะไร “มานอนต่างที่แบบนี้ก็อยากแนะนำให้สวดมนต์บ้าง”
หลังจากที่ปาร์ตี้สังสรรค์เรียบร้อยก็มีการแยกย้ายกัน ทั้งคุณเอ และคุณบีก็ได้กลับไปยังที่โรงแรมที่เขาทำการจองล่วงหน้าเอาไว้ ซึ่งโรงแรมแห่งนี้เป็นโรงแรมที่ติดชายหาดเลย ซึ่งคุณบีเมื่อได้เห็นโรงแรมนี้ก็รู้สึกชื่นชอบเอามาก ๆ เพราะเป็นโรงแรมที่สวย มีคนเข้าพักน้อย แถมยังเป็นโรงแรมที่ดูเงียบสงบ เมื่อเขาทำการเช็กอินเสร็จเรียบร้อยก็ขึ้นไปยังห้องพักเพื่อเก็บของ จากนั้นพวกเขาก็ได้มานั่งดื่มต่อที่ริมหาดกัน ซึ่งที่นี่เป็นโรงแรมที่ติดหาด นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเข้าห้องนอนเร็ว หาดที่นี่เลยมีคนมานั่งดื่มน้อยมาก ๆ ซึ่งพวกเขาเลยรู้สึกว่ามันเป็นส่วนตัวอย่างมาก เพราะความเงียบสงบ เมื่อเขานั่งดื่มกันจนถึงช่วงเที่ยงคืน เขาหันดูรอบ ๆ กลับกลายเป็นว่าเหลือแค่พวกเขา 2 คนเท่านั้นที่ยังคงนั่งดื่มอยู่ที่หาดแห่งนี้ ซึ่งบรรยากาศดูเหมือนจะโรแมนติก แต่ทางฝั่งคุณบีนั้นก็รู้สึกขนลุกอย่างมาก เขาจึงชวนกันกลับห้องเพื่อไปพักผ่อน
หลังจากที่พวกเขาดื่มกันจนได้ที่เขาก็ขึ้นห้องพักเพื่อที่จะพักผ่อน ขออธิบายห้องพัก เมื่อเปิดประตูเข้าไปซ้ายมือจะเป็นตู้เสื้อผ้า ขวามือจะเป็นห้องน้ำถัดจากห้องน้ำก็จะเป็นเตียงนอน ซึ่งห้องน้ำนี้สามารถเข้าได้ 2 ทาง สามารถเปิดเข้าทางฝั่งเตียงนอน และสามารถเปิดเข้าทางฝั่งประตูทางออกห้อง ซึ่งประตูห้องน้ำฝั่งเตียงนอนเป็นประตูแบบกระจกเลื่อน ตรงปลายเตียงก็จะมีทีวีตู้เย็นตามปกติ ที่นี่ห้องกว้างมากถ้าหากเทียบกับราคาแล้วเรียกได้ว่าเกินคุ้มเลยจริง ๆ ซึ่งพวกเขาก็คิดแค่ว่าช่วงนั้นอาจจะเป็นหน้า low season ราคาที่พักที่นี่เลยราคาถูก แต่ขอบอกว่าห้องพักนี้แอบหลอนตรงที่ว่าเป็นห้องที่ตกแต่งออกมาแบบไทย ๆ แต่ทั้งคู่ก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะส่วนใหญ่แล้วนักท่องเที่ยวที่นี่จะเป็นต่างชาติ
หลังจากที่พวกเขาอาบน้ำกำลังจะนอนหลับนั้น ทางฝั่งของคุณบีรู้สึกกลัวอย่างมาก ทั้งที่เขาไม่มีความเชื่อเรื่องผีหรือเรื่องลี้ลับเลย แต่คุณเอก็ทำการปลอบใจเพื่อไม่ให้แฟนตัวเองรู้สึกกลัว ทางฝั่งของคุณเอก็นึกขึ้นได้ว่าเพื่อนพูดย้ำมาตลอดว่าให้สวดมนต์ก่อนนอน แต่ตนเองนั้นไม่ค่อยมีความเชื่อเรื่องผีสักเท่าไหร่ ด้วยความดื่มมาด้วยเขาก็รู้สึกอยากจะนอนพักมากกว่า เมื่อเขาหลับไปได้สักพัก คุณเอก็ต้องสะดุ้งตื่นกลางดึกเพราะได้ยินเสียงกระดิ่งอะไรสักอย่าง ซึ่งเสียงนั้นดังวนไปรอบ ๆ เตียงของเขา “กริ้ง ๆ ๆ ๆ” เมื่อเขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเขาก็เห็นเงาของร่างร่างหนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่ร่างนั้นสูง ตัวใหญ่ จากนั้นเขาก็รีบหลับตา และพยายามจะหลับต่อ
แต่เมื่อเขาหลับตาได้สักพักเขาก็ต้องตกใจขึ้นอีกครั้ง เพราะเขาได้ยินเสียงประตูห้องน้ำข้าง ๆ เขานั้นเลื่อนเปิด เมื่อเขาลืมตาเขาก็ไม่พบเจออะไรมีแค่เพียงประตูห้องน้ำเท่านั้นที่เปิด เขาจึงลุกมาปิด หลังจากนั้นเขาก็มานอนต่อ ซึ่งเมื่อเขามานอนยังไม่ทันได้หลับตาประตูห้องน้ำนั้นก็เปิดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเขาตกใจอย่ามาก และหลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกระดิ่งดังขึ้นอีกครั้ง เขาแทบอยากให้คืนนี้ผ่านไปเร็ว ๆ เลยทีเดียว ซึ่งเขาพยายามสะกิดคุณบีเพื่อให้เขาตื่น แต่เขาไม่มีท่าทีว่าจะตื่นเลย ทั้งที่คุณบีเป็นคนที่รู้สึกตัวง่ายมาก เมื่อเขาเห็นดังนั้นเขาจึงพยายามข่มตาให้หลับทันที
เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อทั้ง 2 ได้ตื่นนอนทางฝั่งคุณเอรีบลุกอาบน้ำ และรีบเก็บของเพื่อออกไปเช็กเอาท์ ทำเอาคุณบีนั้นงงอย่างมากเพราะโดยปกติคุณเอเวลาไปเที่ยวต่างจังหวัดเขาจะชอบตื่นสาย ๆ แล้วค่อยเช็กเอาท์ช่วงเที่ยง แต่ครั้งนี้กลับผิดปกติ เมื่อเขาออกจากโรงแรมคุณบีจึงได้เล่าให้คุณเอฟังว่าเมื่อคืนนั้นเธอฝันเห็นแม่ของเธอที่เสียไป ซึ่งตั้งแต่แม่ของเธอเสียไปเธอไม่เคยฝันถึงแม่เลย จนเมื่อคืนแปลกมากที่ฝันถึงแม่ หลังจากนั้นคุณเอก็เล่าเรื่องที่เขาเจอเมื่อคืนซึ่งเขา 2 คนตกใจอย่างมาก
ระหว่างทางที่พวกเขาจะไปอีกโรงแรม เขาก็ได้แวะหาเพื่อน ซึ่งเมื่อถึงบ้านเพื่อน เขากลับทักทายประโยคแรกที่ทำเอาคุณเออึ้งไปสักพักเลย
เพื่อนคุณเอ : เป็นไงบ้างเมื่อคืนหลับสบายไหม เจออะไรหรือเปล่า
ซึ่งเขา 2 คนหันมามองหน้ากันแล้วก็งง ว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นที่นี่หรือเปล่า แล้วเพื่อนของเขารู้ได้ไงว่าคุณเอพบเจออะไรเมื่อคืน คุณเอจึงได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนนั้นให้เพื่อนของเขาฟัง ซึ่งทางเพื่อนของคุณเอนั้นก็ไม่พูดอะไรมาก บอกแค่ว่า “เดี๋ยวจะพาไปที่แห่งหนึ่งแล้วจะรู้เอง”
หลังจากนั้นเพื่อนคุณเอได้พาพวกเขาไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง เป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวกับภัยสึนามิ ซึ่งที่นี่จะมีป้ายบอกข้อมูลต่าง ๆ และจะมีรูปถ่ายที่ถูกกู้มาจากมือถือผู้ประสบภัย ซึ่งเมื่อคุณเอได้มาเจอป้ายไวนิลอันหนึ่งก็ถึงกับยืนอึ้งไปสักพักใหญ่เลยทีเดียว เมื่อเพื่อนของเขาเห็นดังนั้นก็ถามว่า “รู้หรือยังว่าที่นั่นมีอะไร” ซึ่งป้ายนั้นได้เขียนเอาไว้ว่าที่เกิดเหตุสึนามิ และสถานที่ ที่มีคนตาย และได้รับความเสียหายอย่างมากก็คือที่โรงแรม…เพราะที่แห่งนั้นเป็นที่ติดริมหาด เป็นที่โล่ง ซึ่งมันตรงกับชื่อโรงแรมที่เขาไปพักมานั่นเอง
หลังจากที่เขากลับมาถึงบ้าน เขาได้เล่าเรื่องนี้ให้พี่ชายเขาฟัง ซึ่งพี่ชายเขาบอกว่า เขาเคยดูหนังต่างชาติเรื่องหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นด้วยเรื่องจริง ซึ่งในหนังนั้นก็มีบอกไว้ว่าคนสมัยก่อนเขาจะใช้กระดิ่งผูกไว้ที่ขาของคนตาย ซึ่งถ้าหากได้ยินเสียงกระดิ่งนั้นก็แสดงว่าคนนั้นยังไม่ตาย ซึ่งมันก็ตรงกันกับเสียงกระดิ่งที่เขาได้ยิน ซึ่งนั้นทำให้เขารู้ว่านั่นอาจจะเป็นชาวต่างชาติที่เสียชีวิตที่ภัยสึนามิหรือเปล่า ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เขานั้นกลัวเรื่องลี้ลับ และไม่อยากเข้าพักโรงแรมที่ติดริมหาดอีกเลย
ขอบคุณรูปภาพประกอบจาก : chillpainai