เรื่องเล่าสุดหลอน

เรื่องเล่าสุดหลอน ทางผ่านผี ชวนขนหัวลุก

เล่าเรื่องผี เรื่องเล่าสุดหลอน ทางผ่านผี เรื่องเล่าที่จะพาคุณขนหัวลุก ใครที่ขับรถตอนกลางคืนบ่อย ระวังเอาไว้ให้ดี ขับขี่ทางที่ไม่คุ้นเคยให้ระวังให้ดี ไม่งั้นอาจจะเจอดีได้

เรื่องเล่าสุดหลอน ทางผ่านผี

เรื่องผี ที่จะเล่าต่อไปนี้เกิดขึ้นกับคุณขิม และคุณขม (น้องชาย) เรื่องนี้เกิดขึ้น 1 ปีก่อนเกิดโรคระบาด เป็น เรื่องเล่าสุดหลอน เมื่อตอนที่ได้เดินทางกลับไปในช่วงเวลาสิ้นปีพร้อมกัน เป็นการขี่มอเตอร์ไซต์ข้ามจังหวัดครั้งแรกของเราสองคน บ้านของเราอยู่จังหวัดทางภาคเหนือ ซึ่งตอนแรกตั้งใจกันว่าจะเดินทางล่วงหน้า ถ้าเหนื่อยก็แวะพักนอนกันตามโรงแรมข้างทางไปเรื่อย ๆ เพราะทั้งสองมีความตั้งใจไปพักผ่อนที่บ้านกันหลายวันอยู่แล้ว ก่อนที่จะต้องได้กลับมาทำงานกันต่อ แต่ก็ผิดแผน เพราะน้องขมมีงานด่วนที่ต้องทำ ทำให้การเดินทางล่าช้าไปประมาณ 3 วัน ขิมกับน้องจึงต้องออกเดินทางในช่วงที่มีคนเดินทางกันมากแล้ว เราออกเดินทางกันตั้งแต่เช้า เพราะคิดว่าคงไปถึงบ้านไม่เกินตอนเย็น แต่ที่ไหนได้ การเดินทางด้วยมอเตอร์ไซต์ทำให้ช้ากว่าทุกครั้ง เพราะต้องแวะพักที่ปั๊มน้ำมันบ่อยมาก ด้วยความเป็นห่วง กลัวรถจะใช้งานหนักมากไป

จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงบ่ายของวันที่ออกเดินทาง ขิมกับน้องก็ตัดสินใจว่าควรหาที่พักก่อน เพราะไม่อยากขับรถไปตอนกลางคืน แต่น้องก็บอกว่ารถเยอะมากแล้ว ควรเดินทางต่อไปอีกหน่อย เช้ามาจะได้ถึงบ้านก่อนเที่ยง ซึ่งโรงแรมที่กำลังจะไปพัก ก็อยู่ไกลจากปั๊มที่จอดพักออกไปเกือบ ๆ 30 กิโล ใช้เวลาเดินทางพอสมควร

ทางผ่านผี เรื่องเล่าสุดหลอน

เราออกเดินทางกันอีกครั้งตอนบ่าย 3 โมงกว่า ๆ และถึงที่พักในช่วงเย็น แต่เมื่อดูสภาพของที่พักแล้ว ก็ตัดสินใจกันว่าจะไม่พักที่นี่ เพราะมันเปลี่ยวเกินไป จึงเลือกที่ใหม่ที่อยู่ไกลออกไป เราก็ได้ทำการทางถามกับพนักงานที่โรงแรม ซึ่งการถามทางจากพนักงานโรงแรมนี้แหละ ทำให้ขิมและน้องต้องพบเจอกับเรื่องขนหัวลุก 

ถ้าจะไปทางนั้นพี่แนะนำว่าให้ไปอีกทางดีกว่าลัดออกไปประมาณ 10 กิโลกว่า ๆ ก็จะออกถนนใหญ่ ตัดไปที่อำเภอของบ้านน้องได้เลยนะ พนักงานบอก ขิมกับน้องจึงออกเดินทางกันต่อ และตกลงกันว่าจะไปตามที่พนักงานโรงแรมบอก แต่พอมาถึงทางลัดที่ว่าเห็นมีรถยนต์สวนออกมา ทั้งสองจึงรู้สึกโล่งใจว่า มีคนที่ใช้เส้นทางนี้กันบ้าง พวกเรามาถึงทางลัดที่ว่าตอนเกือบ ๆ จะหนึ่งทุ่มแล้ว ฟ้าก็มือ แต่ก็พอมีรถสวนกับทั้งสองบ้างเป็นระยะ ๆ ทำให้ไม่ได้เปลี่ยวแบบที่คิดเอาไว้ แต่พอขี่ไปได้สักพัก ไฟข้างทางก็เริ่มห่างมากขึ้น บวกกับไม่มีรถที่วิ่งสวนมาอีกเลย ขมจึงบอกขิมว่าให้มองข้างทางดี ๆ หากเห็นอะไรผิดปกติ ให้รีบบอก แต่เพราะข้างทางเป็นสวนหรือป่าก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ ขิมจึงไม่ค่อยกล้าบอก เพราะส่วนตัวขิมค่อนข้างเชื่อเรื่องพวกนี้มาก ๆ ก็เลยไม่ค่อยจะอยากมอง จนขี่ไปได้อีกสักพัก ขมจึงบอกให้ขิมชวนคุย ขมลดความเร็วลงอย่างเห็นได้ชัด คงเป็นเพราะว่าทางมันมืดมาก ๆ และถนนก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จึงต้องใช้ความระมัดระวังในการขี่ 

เราทั้งสองคุยกันไปเรื่อยเปื่อย ทั้งเรื่องของกิน ของฝากก็ทวนกันว่าเอามาครบไหม แล้วก็มีเสียงหนึ่ง แล้วของกูล่ะมีไหม ?? ขมเบรครถอย่างแรง เปิดกระจกหมวกกันน็อค แล้วหันมามองขิม ขิมเองก็หน้าเสีย เพราะรู้ว่าที่น้องหันมามองเป็นเพราะอะไร ขิมจึงบอกว่าให้รีบไปต่อ และแตะไปที่ไหล่ขมเบา ๆ และจังหวะที่ขมกำลังขับรถจะไปต่อ ก็มีเสียงมาอีกว่า กูขอไปด้วยคนสิ !! ทั้งสองก็หันไปมองพร้อมกัน ก่อนที่จะได้เห็นสิ่งที่ใจกลัวมาตลอด มันเป็นร่างของชายคนหนึ่ง ที่เสื้อผ้าขาด มีเลือกเต็มตัว แต่ที่แน่ ๆ คือเห็นแบบชัด ๆ เลยว่าเขาไม่มีขา ขมรีบบิดรถออกตัวไป ขิมก็ขยับเข้าไปเกาะไหล่น้องชาย ไม่อยากที่จะหันไปมองอีกเลย แต่อดไม่ได้ตามสัญชาตญาณ

วิญญาณชายลึกลับ ทางผ่านผี

พอขิมหันไปมองอีกรอบ มันกลับไม่ได้มีแค่ผู้ชายคนเดียว แต่มีทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก กำลังตามเราสองคนมา ขมก็บอกขิมว่า อย่าหันไปมอง เพราะไม่อยากให้กลัว และไม่อยากให้มีอะไรตามมา เพราะที่บ้านของขิมมีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่ง ถ้าเราสัมผัสได้ และพยายามสื่อสาร พูดคุย สิ่งนั้นจะตามติดเรามาด้วย อาจจะมาขอให้ช่วย หรือมาเอาเราไปแทนที่ !! พวกเรามากันแค่สองคน ใครอีกอะไรก็ห้ามตามมาด้วยนะ ไม่ !!! กูจะไปด้วย ประโยคนี้ทำให้ขิมกรี๊ดออกมาเสียงดัง จนขมสะดุ้ง และขี่รถเซไปตกลงในหลุมใหญ่ ให้ขิมตัวลอยจากเบาะ และกระเด็นตกรถ ขมรีบลงจากรถมาดูขิม ขิมเจ็บเล็กน้อยที่ข้อศอก แต่หัวเข่าเหมือนจะถลอกเยอะ ขมก็พยุงพาขิมไปที่รถ แต่จู่ ๆ ขิมก็รู้สึกเหมือนว่ามีอะไรมาดึงขาไว้ พอทั้งสองหันไปมอง เห็นร่างของชายที่หัวยุบลงไป และลำตัวขาดครึ่ง กำลังจับขาของขิมเอาไว้ ขมตกใจ จนเผลอปล่อยมือออกจากขิม ขิมเองก็ไม่กล้าที่จะขยับตัวไปไหน 

รู้สึกกลัวไปหมด ขนลุกไปทั้งตัว แต่พอขมได้สติ ก็รีบมาดึงตัวขิมให้ลุกขึ้น ซึ่งทั้งสองก็ไม่ได้เห็นร่างของชายทั้งสองแล้ว ในจังหวะที่ขมกำลังจะขี่รถออกไป จู่ ๆ รถที่สตาร์ททิ้งไว้ก็ดับซะเฉย ๆ และในตอนนั้นเอง รอบ ๆ ตัวของทั้งคู่ก็มืดสนิท จนต้องเปิดแฟลชมือถือ ขมพยายามสตาร์ทรถอีกครั้ง ก็ติด ๆ ดับ ๆ อยู่อย่างนั้นหลายนาที จมก็พูดปลอบใจขิมอยู่ตลอดว่าไม่ต้องกลัว  จมสบถ โถ่เว้ย ติดสักทีดิว่ะ รถก็สตาร์ทติด แต่แสงไฟหน้ารถที่ส่องไป ทำให้สองคนถึงกับต้องร้องโวยวาย เพราะร่างของชายคนเมื่อกี้ กำลังคลานเข้ามาใกล้ที่หน้ารถ ขมที่ตกใจก็เผลอบิดคันเร่งจนรถข้ามไปอีกฝั่ง มีมอเตอร์ไซต์ที่มาจากอีกฝั่งบีบแตร เตือนสติให้ขมหักรถหลบ รถของทั้งคู่ก็ล้มเข้าข้างทาง รถมอเตอร์ไซต์ที่สวนทางมา จึงรีบจอด และลงมาช่วย

คนที่มาช่วยก็ถามทั้งสองว่า ทำไมมาวิ่งเส้นนี้ตอนกลางคืน เพราะปกติแล้ว ไม่มีคนเขาวิ่งเส้นนี้กัน ส่วนใหญ่จะเลี้ยวไปอีกทาง ตั้งแต่แยกที่ทั้งสองผ่านมาแล้วหลายกิโล ทางนี้คนเขาไม่ผ่านกันหรอกพี่ มีแต่ผีผ่าน จู่ ๆ ก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น พอได้ยินเสียงหัวเราะ ขมก็จับมือขิมวิ่งทันที วิ่งไปมืด ๆ  แบบไม่รู้ทิศทาง จนได้เจอกับบ้านคน เลยวิ่งเข้าไปขอความช่วยเหลือ  ลุงกับป้าที่อยู่ตรงนั้น ก็สงสารขิมกับขมมาก บอกว่าคนที่ดูโรงแรม คงแกล้งหลอกให้มาทางนี้ เพราะจริง ๆ ทางนี้มันไม่มีใครผ่านมานานแล้ว แม้แต่ลุงกับป้า ก็อ้อมไปออกอีกทาง เพราะเส้นที่ทั้งสองผ่านมา เมื่อก่อนมักจะมีการดักปล้นฆ่า และเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง คนแถวนี้รู้ดีว่าไม่ควรผ่านทางนี้ ไม่ว่าจะตอนกลางวัน หรือตอนกลางคืน 

ขิมและจมจึงได้พักอยู่ที่บ้านของลุงและป้า พอถึงตอนเช้าขิมกับขม ก็ขอให้ลุงกับป้าช่วยพาไปเอารถที่ยังอยู่ข้างทาง พอย้อนกลับไปจริง ๆ ว่าเมื่อคืนเจอหนักมากจริง ๆ อีกทั้งรถก็ไม่ได้ลงไปข้างทาง แต่จอดอยู่กับที่ ทั้งสองออกเดินทางกันต่อ จนมาถึงที่บ้านในช่วงบ่าย ๆ ของอีกวัน พ่อกับแม่ก็บอกทั้งสองทันทีที่มาถึงว่า ให้จัดการเก็บของให้เรียบร้อย แล้วอาบน้ำ จะได้พาไปรดน้ำมนต์ที่วัด ขิมกับขมมารดน้ำมนต์ที่วัด ตามที่พ่อกับแม่บอก ก็ดันบังเอิญได้เจอกับคนที่เป็นพนักงานโรงแรมคนนั้นเข้า ซึ่งเขาก็ได้ทักทายแบบปกติ อ่าว ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอกันที่นี่อีก ขมค่อนข้างที่จะโมโห แต่ขิมก็ห้ามเอาไว้ และในตอนที่กำลังจะกลับ ก็เห็นรถขนโลงศพจอดอยู่ที่วัด และก็เหมือนจำได้ว่าตอนนั้น รถคันนี้จอดอยู่ที่โรงแรมที่จะเข้าไปพักในตอนแรก 


อ่าว พี่ชวดมาจากไหนกันครับเนี้ย ? พ่อของทั้งสองเอยทักลุงเจ้าของรถ และเรื่องที่หักมุมมากไปกกว่านั้น คือ ศพที่นำมาทำพิธีที่วัด เป็นศพของคนดูแลโรงแรม !! ที่เสียเพราะหัวใจวายเฉียบพลัน และรูปที่ญาติกำลังขนลงมา ทำให้ทั้งสองถึงบางอ้อ ทั้งสองขนลุก และช็อคมาก ที่รู้ว่าโดนผีหลอกเข้าจัง ๆ

ขอบคุณเรื่องเล่าจาก เล่าเรื่องผี