อีกหนึ่งมหาลัยทางภาคเหนือกับ เรื่องเล่า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่เล่าสืบต่อกันมา จะชวนสยองขวัญ และน่าขนลุกขนาดไหน ไปติดตามกัน
เรื่องสยองขวัญ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า มช. เป็นอีกหนึ่งมหาวิทยาลัย ในโซนของภาคเหนือ ที่มีอายุเก่าแก่กว่าครึ่งศตวรรษ ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2507 อีกทั้งยังตั้งอยู่ ณ ดินแดนล้านนา เป็นแหล่งสะสมวัฒนธรรมอันล้ำค่า ที่มีมานานนับ 700 ปี และในมหาวิทยาลัยมหาเชียงใหม่ ยังเคยเป็นสนามรบอีกด้วย
ดังนั้น จึงมีตำนานเก่าแก่ ที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นเล่าต่อ ๆ กันมา บวกกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน ซึ่งบางเรื่องเป็น เรื่องเล่าผี ที่น่ากลัวจนขนหัวลุก และเป็นที่รู้จักเกือบทุกมหาวิทยาลัย หรือบางเรื่องก็ถูกนำมาสร้างเป็นหนัง หรือภาพยนตร์ หากท่านได้ยินมาขนาดนี้แล้ว ต้องลองมาพิสูจน์กับ เรื่องเล่า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ด้วยตัวของท่านเองแล้วว่า มันจะชวนเขย่าขวัญ น่าขนลุกขนาดไหน ไปติดตามกันได้เลย ตอนนี้ !
1. เรื่องเล่า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ มิตรภาพที่อยู่เหนือความตาย … ป๊อก… ป๊อก… ครืด
เรื่องผีสุดสยอง ที่ได้รับว่าเป็นเรื่องสยองที่สุด อันดับ 1 ของมหาลัยเชียงใหม่ ที่ใคร ๆ ต่างก็เคยได้ยิน เพราะความน่ากลัวนั้น ถึงขั้นนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์แล้วด้วย เรื่องราวที่เล่าสืบต่อกันมาเรื่องราวสุดสยองเรื่องนี้ เริ่มต้นขึ้นที่หอหญิง ในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หรือที่รู้จักกันดี นั่นก็คือ หอ 7 ซึ่งในสมัยนั้น ในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ยังเป็นที่รกร้าง ถนนยังไม่ค่อยดีมากนัก การเดินทางค่อนข้างยากลำบาก เพราะเป็นถนนลูกรัง เวลาฝนตกก็เต็มไปด้วยขี้โคลน การเข้าออกของรถ ก็ไปมาอย่างลำบาก ในตอนกลางคืน ก็ไม่ค่อยมีแสงไฟแม้แต่ดวงเดียว
ส่วนเรื่องนี้เกิดขึ้นกับ นักศึกษาสาวคู่หนึ่ง ที่อาศัยอยู่ประมาณชั้น 2 หรือชั้น 3 ของหอ 7 ในช่วงนั้น เป็นช่วงสอบพอดี นักศึกษาต่างพากันอ่านหนังสือ แต่มีนักศึกษาหญิงคนหนึ่งไม่สบาย เธออ่านหนังสืออยู่ในห้อง ในตอนหัวค่ำรูมเมท ได้ชวนเขาไปทานข้าว แต่เพราะเป็นไข้อยู่ จึงลุกไปไม่ไหว เธออยากพักผ่อน รูมเมทอีกคนเห็นเพื่อนไม่ค่อยสบาย ด้วยความเป็นห่วง จึงบอกว่า “เดี๋ยวฉันจะไปทานข้าวเอง แล้วจะซื้อข้าวมาฝากนะ”
หลังจากนั้น นักศึกษาสาวที่ป่วยอยู่ ก็เผลอหลับไป และสะดุ้งตื่นมาอีกทีตอนกลางดึก ก็พบว่ารูมเมทยังไม่กลับมา สักพักเธอก็ได้ยินเสียง ที่ดังมาจากชั้นล่าง ทางบันได “ป๊อก…ป๊อก…ป๊อก…ครืด…ครืด…ครืด” ต้นเสียงนั้นดังเป็นพัก ๆ และใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เสียงเหมือนคนที่กำลังแบกของหนักบางอย่าง แล้วกำลังขึ้นมา และเสียงนั้น ก็ดังมาจนถึงชั้นที่เธออยู่ เสียงใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องของเธอ สักพักหนึ่ง ก็มีเสียงเคาะ “ก๊อก ก๊อก ก๊อก” แล้วก็เงียบไป
นักศึกษาหญิงคนนั้นตกใจ และก็คิดว่าไม่ใช่เพื่อนอย่างแน่นอน ถ้าใช่เพื่อนเขาก็ต้องเปิดประตูเข้ามาแล้ว เธอจึงได้เดินออกไป เพื่อเปิดประตูดูว่าเขาคนนั้นเป็นใคร ก็พบว่าตรงหน้าห้อง มีถุงใส่ข้าวแขวนอยู่ ก็แปลกใจว่า “แล้วเพื่อนอยู่ไหน ? ทำไมไม่กลับมา ?” มีแต่รอยน้ำเต็มพื้น ลากยาวจากบันไดไปทางหน้าห้องของเขา เธอก็คิดเรื่อยเปื่อย แต่แล้วก็แกะห่อข้าวออกแล้วทานจนหมด จากนั้นก็ทานยาตามไป พอสักพักเธอก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว
พอตื่นมาในตอนเช้าของอีกวัน มีคนมาเคาะประตูห้องแล้วบอกว่า เพื่อนของเธอตายแล้ว นักศึกษาหญิงคนนั้น ถูกฆ่าข่มขืน ตรงพงหญ้าข้างทาง คาดการณ์ว่าเหตุเกิดประมาณหัวค่ำ สภาพศพแขน และขาทั้งสองข้างหัก อาจเกิดจากคนร้ายเอาท่อนไม้ทุบตี เพื่อไม่ให้เขาหนี นักศึกษาหญิงที่ตาย กำลังเดินทางกลับจากตลาดตอนเย็น หลังจากทานข้าวเสร็จ
ในทุกครั้งเธอจะไปกับเพื่อน แต่เพื่อนไม่สบาย เธอจึงได้ไปตลาดคนเดียว โดยเพื่อนฝากซื้อข้าว คนร้ายอาจเห็นว่า เป็นผู้หญิงคนเดียว จึงลงมือ “แล้วอาหารที่แขวนอยู่หน้าห้องเมื่อคืนล่ะ?”
ไม่มีใครรู้คำตอบที่แน่ชัด แต่จากที่ได้ฟังกันมา หลังจากที่เธอตายไปแล้ว ด้วยความเป็นห่วงเพื่อน ที่ไม่สบาย และยังไม่ได้รับประทานอาหารนั้น เธอจึงนำข้าว ไปส่งให้ แต่แขนขาของเธอหักหมดแล้ว จึงใช้ปากคาบถุง แล้วใช้คางเกยกับถนน แล้วพาตัวเองมาจนถึงหอพัก และลากตัวเองขึ้นบันไดมาได้ จึงเป็นเสียง ป๊อก…ป๊อก และเสียง…ครืด ที่เพื่อนได้ยิน
นั่นก็คือ เสียงที่ลากตัวเองจากบันได มาจนถึงหน้าห้อง ก็ปรากฏเป็นรอยเปียกน้ำยาวติดต่อกันมา หลังจากที่เธอส่งข้าวให้แล้ว เธอก็หมดห่วง ตอนแรกเพื่อน ๆ ทุกคนไม่เชื่อ ในเรื่องที่นักศึกษาหญิงคนนั้นเล่า
แต่ก็มีนักศึกษาที่พักอยู่ข้าง ๆ ห้องยืนยันว่า ในคืนนั้น เขาได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังยกของหนัก และลากของหนักจากข้างล่างขึ้นมาข้างบนเหมือนกัน จากนั้นทุกคนต่างเชื่อสนิทใจ และทำให้เรารู้ว่า “มิตรภาพนั้นอยู่เหนือความตาย” อ่านแล้วก็น่าขนลุกสุด ๆ แถมยังซึ้งมาก ๆ อีกด้วย
2. เรื่องเล่า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ หอนาฬิกา หากวนครบ 3 รอบ เจอดีแน่
เนื่องจากตรงนี้เคยเป็นป่าช้า และลานประหารชีวิตเก่ามาก่อน ทำให้มีเรื่องเล่าสยองขวัญมากมาย เรื่องนี้อยู่ที่หอนาฬิกา ตรงสี่แยกจากประตูหลังของ มอเชียงใหม่ ตรงนั้นจะเป็นวงเวียนสี่แยก ในฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ จะเป็นคณะวิศวกรรมศาสตร์ ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้เป็นคณะศึกษาศาสตร์ และโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือ จะเป็นหอ 4 (ชาย) และฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือนั้น เป็นหอ 6 (หญิง) เรื่องนี้เล่ากันว่า ตรงหอนาฬิกา กลางวงเวียน จะอสุรกายที่เรียกว่า เปรต หากไปลองของ อาจจะโดนดีได้
ส่วนวิธีการลองดี นั่นก็คือ ตอนเที่ยงคืนให้ไปขับรถ แล้ววนทวนเข็มหอนาฬิกา 3 รอบ (โดยปกติวงเวียน จะให้รถขับวนตามเข็มนาฬิกา) เล่ากันว่า มีผู้ที่ลองทำ แล้วไม่เคยมีใครขับรถทวนเข็มนาฬิกา ได้ครบทั้งสามรอบสักคน ผู้มีประสบการณ์เล่าว่า ในขณะที่วนรถอยู่นั้น จะรู้สึกได้ถึงลมที่เย็นที่ผิดปกติ วนไปรอบสองก็ยังไม่มีเกิดอะไรขึ้น แต่พอมาถึงตอนใกล้จะครบสามรอบเท่านั้นแหละ จู่ ๆ ก็มีเสาสองต้นมาตั้งขวางถนน ทำให้เขาต้องหักรถหลบ บางคนรถล้มบ้าง บางคนแฉลบบ้างไปตาม ๆ กัน ใครอยากรู้ก็ลองดู
ส่วนอีกกรณีหนึ่ง มีข่าวอยู่บ่อย ๆ ว่านักศึกษาที่พักอยู่หอพักชาย 4 และหอพักหญิง 6 ฝั่งที่ติดกับหอนาฬิกานั้น มักได้ยินเสียงแหลม ๆ เล็ก ๆ ดังมาจากทางฝั่งหอนาฬิกา พอสอบถามแล้วในคืนนั้น เด็กสาธิตไม่ได้ทำกิจกรรม และคณะวิศวกรรมศาสตร์ ก็ไม่ได้มีการทำกิจกรรม หรือการก่อสร้างใด ๆ ทั้งสิ้น และที่สำคัญบางห้องได้ยิน แต่บางห้องก็ไม่ได้ยิน ทั้งที่ห้องอยู่ติดกัน
3. ป้าลูซี่ คณะมนุษยศาสตร์
ป้าลูซี่ คนนี้ เป็นใครมาจากไหน ไม่มีใครรู้ แต่ว่าเขาคอยห่วงใย และดูแลเราอยู่ไม่ห่าง โดยเฉพาะในช่วงเวลารับน้อง พวกเราจะเจอกับป้าลูซี่ทุกครั้ง ในบริเวณของตึกคณะมนุษยศาสตร์ มช. จะมีเนินหญ้าที่เชื่อมระหว่างลำธารเล็ก ๆ และมีสะพานเดินข้าม ซึ่งเป็นบริเวณที่ใกล้กับ สถานที่รับน้องของคณะ
ซึ่งในช่วงเวลาประมาณ 2 ทุ่ม จะเป็นช่วงสุดท้ายของการรับน้อง ก่อนที่จะปล่อยน้องกลับเข้าหอพัก ก็มีนักศึกษาชายคนหนึ่งเกิดไม่สบาย เป็นหอบ รุ่นพี่จึงพาไปยังห้องพยาบาล ซึ่งอยู่ใกล้บริเวณเนินหญ้า หลังจากที่ปล่อยนักศึกษาหญิงกลับหอพัก ส่วนนักศึกษาชาย ก็อยู่รับน้องต่อ จนกระทั่งมีเสียงสุนัขหอนดังขึ้นเป็นระยะ ๆ มีหลายคนสงสัย แต่ไม่มีใครกล้าที่จะพูดอะไร
จนกระทั่งงานรับน้องก็จบลง มีนักศึกษาน้องใหม่คนหนึ่ง พูดขึ้นมาว่า เห็นผู้หญิงใส่ชุดขาวยืนดูกิจกรรมรับน้องอยู่นาน แต่ก็ไม่พูดอะไร เพราะคิดว่าคงเป็นอาจารย์ ที่เดินมาดูแลความเรียบร้อยของการรับน้อง บางคนก็บอกว่า รู้สึกเหมือนมีใครบางคนมาลูบหัว จนกระทั่งเหตุการณ์นี้ ได้คลายความสงสัยลง เมื่อรุ่นน้องที่อยู่ในห้องพยาบาล เป็นผู้รับรู้เรื่องแบบนี้ หรือเรียกว่ามีจิตที่สัมผัสได้ ก็ทักขึ้นมาว่า “เมื่อคืนหนักเลยละซิ เขา (ผู้หญิงที่ใส่ชุดขาว) เป็นห่วง และกลัวเด็ก ๆ เกิดอันตราย เลยต้องมาดูแลอยู่ไม่ห่างเลย”
4. ผีห้องน้ำคณะสังคมศาสตร์
เรื่องเกิดขึ้นที่ห้องน้ำ ในคณะสังคมศาสตร์ ที่มีลักษณะเก่าหน่อย ๆ ทุกท่านต้องลองไปหาดูเอาเอง ลักษณะห้องน้ำ คือ ประตูทางเข้าจะอยู่ตรงกลาง เมื่อเข้าไปแล้วโถฉี่ จะอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนอ่างล้างหน้ากับ กระจกส่องหน้า จะอยู่ทางขวามือนั่นเอง รุ่นพี่ที่อยู่คณะสังคมฯ เล่าว่ามีคนเล่าให้ฟังว่า ตอนกลางคืนช่วงใกล้สอบนั้น ได้ไปอ่านหนังสือที่คณะสังคมฯ แล้วเกิดปวดฉี่ เลยไปฉี่ที่ห้องน้ำแห่งนั้น เขาไปเข้าห้องน้ำคนเดียว และคนอื่น ๆ ก็นั่งอ่านหนังสือกันต่อ
คนไปฉี่เขาก็เข้าไปฉี่ตามธรรมดา ในห้องน้ำมีโถฉี่สองอัน คือ อันแรกจะติดกับประตู อันที่สองจะอยู่ด้านขวา ถัดไปข้างในอีก เขาบอกว่า ตอนจะฉี่ก็จะฉี่ที่โถแรก เพราะมันใกล้มากที่สุด แต่ไม่รู้นึกยังไง เดินเลยไปฉี่ที่โถด้านใน ตอนที่เขากำลังฉี่ก็ยังไม่มีอะไร แต่ตอนฉี่เสร็จแล้ว มองไปที่กระจก ภาพในกระจกสะท้อนให้เห็นว่า กำลังมีคนยืนฉี่อยู่ที่โถฉี่อันแรก ! (แต่หันหลังให้เขา) เขานึกว่าตาฝาด เพราะหันไปดูก็ไม่มีอะไร แต่พอหันไปดูในกระจก ก็ยังเห็นเหมือนเดิม
5. วงเวียนธรณี
ในจุดนี้มีเรื่องเยอะมาก ๆ นานมาแล้วมีนักศึกษา 2 คน ที่กำลังกินเหล้าเมา พอมาถึงข้างตึกธรณี คนขี่มอเตอร์ไซต์ ก็มองไปทางข้างตึกอังกฤษ เขาได้เห็นคนหัวขาดยืนอยู่
ดังนั้น เขาจึงตกใจ และหยุดรถขยี้ตาดูอีกที แล้วเขาก็สะกิดถามเพื่อน ที่นั่งมาด้วยกันว่า “เอ็งเห็นอะไรหรือเปล่า” เพื่อนตอบกลับมาว่า “ไม่เห็นมีอะไรเลย” พอมองกลับไปอีกที ก็ไม่มีใครยืนอยู่ตรงนั้นแล้ว แต่พอเขาหันกลับมาข้างหน้า ปรากฏว่า มีลวดเส้นเล็ก ๆ ที่ขึงอยู่ระดับคอ ห่างออกไปจากเขาแค่เมตรเดียว ถ้าเขาไม่หยุดรถคง !… แน่นอน
6. ก๊อกน้ำนิติเวช
มาถึงเรื่องที่ 6 อาคารเรียนรวมแพทย์ มีคนที่ไปอ่านหนังสือกัน 2 คน พอตอนกลางคืน พวกเขาก็ไปซื้อไก่ทอดมากิน พอกินเสร็จแล้ว พวกเขาก็หาที่ล้างมือ แล้วไปเจอก๊อกน้ำข้างตึก จึงเดินไปล้างมือที่นั่น ตอนที่ล้างมืออยู่นั้น เพื่อนอีกคนก็ทำหน้าตกใจเป็นอย่างมาก แต่เขายังไม่พูดอะไร คนที่ทำหน้าตกใจ ก็รีบจูงมือเพื่อนอีกคนกลับมาใต้ตึก แล้วถามว่ารู้มั้ย เมื่อกี้เห็นอะไร ? อีกคนก็บอกว่าไม่รู้ คนนั้นจึงบอกว่า เขาเห็นผมของใครคนหนึ่ง ซึ่งผมยาวชี้ขึ้นมากระจุกหนึ่ง เหมือนมีคนจับผมของเขาขึ้นมา และพวกเขาก็มารู้ทีหลังว่า ที่ตรงนั้น เป็นที่ล้างศพ !
7. ทางเดินคณะวิศวกรรมศาสตร์
มาถึงเรื่องสุดท้ายกับ ทางเดินคณะวิศวกรรมศาสตร์ มีนักศึกษา 4 คน ที่เข้าไปเล่นผีถ้วยแก้ว ตรงทางเดินยาวตรงข้ามหอ 5 ชาย วันนั้นมีฝนตกด้วย และมีผีผู้ชายเข้ามา พอถามว่าชื่ออะไร “ไม่ตอบ” เลยถามต่อว่า “มาคนเดียวใช่รึไม่ใช่” ก็ตอบว่า “ไม่ใช่” จึงถามต่อว่ามากันเท่าไหร่ “เค้าก็ตอบว่าเก้าคน (ไปเลข 9)”
ผู้เล่นรู้สึกกลัวขึ้นมา พวกเขาจึงเชิญออก แล้วรีบกลับมาที่หอพัก มีเพื่อนถามว่าไปไหนกันมา ก็บอกว่า “ไปเล่นผีถ้วยแก้ว ในคณะวิศวกรรมศาสตร์มา” เพื่อนก็ว่า “อ๋อที่มีคนยืนมุงกันเยอะ ๆ ตรงทางเดินนั่นนะหรอ”
แน่นอนว่ายังมีเรื่องเล่า ที่ชวนขนหัวลุกอีกมากมาย หากท่านสนใจเรื่องลี้ลับ หรือเรื่องผี ๆ บอกเลยว่าท่านได้เข้ามาถูกทางแล้ว หากสนใจเรื่องลี้ลับต่าง ๆ กดติดตาม เว็บไซต์เรื่องผีสยองขวัญ แล้วคุณจะไม่พลาดกับเรื่องลี้ลับสุดสยองอีกมากมาย
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : 7 ตำนาน เรื่องเล่าผี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (ภาค1) มช. (campus-star.com)