บ้านมือ 2

บ้านมือ 2 บ้านที่ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้คนอยู่

วันนี้เราจะมาเล่าเรื่อง บ้านมือ 2 ซึ่งถือว่าเป็นบ้านในฝันของครอบครัวหนึ่ง ซึ่งเรื่องราวนี้จะมีความหลอนอย่างไรบ้างนั้น ไปดูกันได้เลย

เรื่องราวของ บ้านมือ 2 สุดหลอน

บ้านมือ 2 เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่นของครอบครัวหนึ่งที่กำลังหา ซื้อบ้าน ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องของคุณซัน(นามสมมุติ) ถ้าหากพร้อมแล้วไปดูกันว่าเรื่องนี้จะน่ากลัวมากแค่ไหน ซึ่งเรื่องนี้เริ่มต้นในช่วงสถานการณ์โควิด ซึ่งทุกอย่างทางเศรษฐกิจนั้นแย่อย่างมาก แต่กลับกันธุรกิจของคุณซันนั้นเติบโตขึ้น เพราะด้วยความที่ธุรกิจของคุณซันนั้นเป็นธุรกิจเกี่ยวกับอาหารเสริม ซึ่งในช่วงนั้นผู้คนหันมาดูแลตัวเองเป็นอย่างมาก 

บ้านมือ 2
ใช้เพื่อประกอบบทความเท่านั้น

เมื่อเป็นอย่างนั้นคุณซันเลยเริ่มที่จะมีเงินเก็บ และรู้สึกว่าอยากจะได้บ้านสักหลังเพื่อที่จะได้สต๊อกของเอาไว้ที่บ้านได้ด้วย ตัวคุณซันเองมีภรรยาและลูกสาว 1 คน ซึ่งเขาก็ได้ตามหาบ้านแถวตัวเมือง แต่ราคาก็สูงจนเขานั้นสู้ไม่ไหว เขาจึงได้ตกลงกับภรรยาว่าถ้าในเมืองมันไม่ได้ เราเอาแถวนอกเมืองได้ไหม ซึ่งทางภรรยาก็โอเคเพราะยังไงเราก็มีรถไว้ใช้เดินทางได้อยู่แล้ว 

จนมาวันหนึ่งเขาได้เดินทางเพื่อไปส่งของให้ลูกค้าจนได้เจอกับป้ายซอยซอยหนึ่ง ซึ่งซอยนั้นเขียนว่า ซอยอยู่ร่วมกัน ด้านล่างของป้ายซอยนั้นมีป้ายเล็ก ๆ เขียนว่าขายบ้าน ซึ่งเขามองแล้วเขาก็คิดว่าเป็นเรื่องที่แปลกมาก เพราะตรงป้ายนั้นไม่มีซอยให้เข้าไปเลย มีแต่ป่า ซึ่งเขาได้ขับรถถัดจากป้ายไปนิดเดียวก็จะมีบ้านเรียงอยู่นับจากทางด้านซ้าย เป็นบ้านหลังที่ 2 ที่มีป้ายเขียนติดว่าขายบ้าน ซึ่งบ้านมองจากภายนอกนั้นเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น หลังแรกทาสีเขียว หลังที่ 2 ทาสีม่วง และหลังที่ 3 ทาสีส้ม ซึ่งเขามองแล้วเขารู้สึกชอบ เพราะดูแล้วมันเป็นสีที่สวยที่สุดจากที่เปรียบเทียบมาทั้งหมดทุกหลัง เขาจึงได้นำกลับมาเล่าให้ภรรยาเขาฟัง

จากนั้นเข้าได้โทรติดต่อไปยังเจ้าของบ้านที่ขาย ซึ่งเจ้าของบ้านได้นัดเขาเพื่อไปดูภายในของบ้าน ซึ่งในตอนนี้เข้ากับภรรยาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก จนกระทั่งวันที่มาดูบ้าน เมื่อภรรยาเขามาเห็นแค่ภายนอกของบ้านเขาก็ชื่นชอบอย่างมาก จนกระทั่งเจ้าของบ้านมาเปิดบ้านเพื่อที่จะให้พวกเขานั้นได้เข้าไปดู ซึ่งเจ้าของบ้านนั้นบอกกับเขาว่าให้เขาเปิดประตูเข้าไปฝั่งทางหน้าบ้าน ส่วนตัวเขานั้นจะไปเปิดประตูหลังบ้าน เพื่อที่เขานั้นจะได้ดูทั่วบ้านได้อย่างสะดวก ซึ่งเมื่อคุณซันเขาได้ไปเปิดประตูหน้าบ้านเขาก็รู้สึกชอบเข้าไปใหญ่ เพราะประตูหน้าบ้านนั้นเป็นประตูที่ดูหนาเป็นพิเศษ ทั้งยังมีกลอนประตู พร้อมกับโซ่ล็อกประตู ดูปลอดภัยดีอย่างมาก ซึ่งเมื่อเขาเข้ามาภายในตัวบ้านนั้นดูใหม่มาก

รายละเอียดบ้านก็จะเป็นแบบเมื่อเราเปิดประตูหน้าบ้าน พอมองขึ้นไปจะเห็นชั้นบน เพราะเป็นอารมณ์แบบชั้นลอย ซึ่งหากเดินไปหน่อยก็จะมีโซฟาซึ่งเป็นห้องโถงปกติ เมื่อเขาสำรวจบ้านอยู่ เจ้าของบ้านก็ขอไปรับโทรศัพท์ และบอกกับเขาว่าให้เขากับภรรยานั้นเดินดูตัวบ้านกันได้เลย ซึ่งเขากับภรรยานั้นแค่เห็นชั้นล่างก็โอเคมากแล้ว เมื่อเขาไปดูชั้นบนก็จะเป็นห้องนอน 2 ห้องซึ่งเขาก็ชอบ เพราะชั้นบนก็สามารถมองลงมาเห็นชั้นล่างได้ครึ่งหนึ่ง 

ซึ่งเขาคิดว่าโอเคมากเพราะชั้นล่างเขาจะทำเป็นที่สต๊อกสินค้าของเขา ซึ่งเขาและภรรยาโอเคจึงได้ตกลงกันว่าจะซื้อ ถ้าหากว่าราคาไม่เกินงบของเขา และเมื่อเขาตกลงดังนั้น เขาก็ได้เดินลงมาเพื่อที่จะคุยเรื่องราคากับเจ้าของบ้าน เมื่อเขาเดินมาหาเจ้าของบ้าน เขาก็รีบวางสายโทรศัพท์ทันที แล้วหันมาบอกกับเขาว่าบ้านนี้ราคา 4 แสนบ้านครับ เขากับภรรยาก็หันมองหน้ากัน เพราะที่เขาคิดกันคือหลังนี้น่าจะ 7-8 แสนบาท ซึ่งเขาได้ยินราคาดังนั้นเขาก็รีบตกลงซื้อทันที เพราะกลัวมีคนอื่นมาซื้อก่อน

เมื่อเขาได้ย้ายมาอยู่แรก ๆ ช่วงเดือนที่ 2-3 ยอดขายเขาก็ปกติ ซึ่งเพื่อนของเขาที่เป็นหมอดูนั้นได้ทักเขาว่าช่วงนี้เป็นคนที่กำลังดวงขึ้นมาก จับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด ซึ่งเขานั้นต่างก็ดีใจ ทั้งยังมาได้บ้านที่ราคาดีอีก หลังจากเดือนที่ 3 มายอดขายของเขานั้นเริ่มตก เขาจึงเริ่มออกนอกพื้นที่ทำตัวคล้าย ๆ เซลล์ ไปแนะนำผลิตภัณฑ์ของเขาตามข้างบ้าน จากนั้นยอดขายของเขาก็กลับมาเป็นปกติ จนกระทั่งเดือนที่ 5 ยอดเขาก็ตกอีกครั้ง 

จนมีลูกค้าท่านหนึ่งได้โทรมาหาเขาให้เขานั้นไปแนะนำอาหารเสริมให้พ่อเขาซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง เขาจึงได้เดินทางไปเพราะพบลูกค้าที่บ้าน ด้วยความที่คุณซันเขาเป็นคนที่ทำงานเกี่ยวกับด้านนี้ เขาก็พูดคุยให้กำลังลูกค้า และได้ช่วยทำกายภาพ จนลูกค้ารู้สึกประทับใจมาก และลูกค้าได้สั่งอาหารเสริมของเขาเป็นจำนวนมาก จนเขานั้นได้เงินเป็นก้อนมา เขาเลยไปดูแลลูกค้าคนนี้เป็นพิเศษ เมื่อเขาเริ่มสนิทกับลูกค้า เขาจึงได้ถามว่า “คุณซันบ้านอยู่ที่ไหน เดินทางไกลไหม” ซึ่งคุณซันก็ได้บอกว่าเขานั้นอยู่แถวนี้ ๆ ซึ่งเขาก็ได้อธิบายว่าบ้านของเขานั้นทาสีม่วง อธิบายด้วยความภูมิใจ จนลูกค้าตอบว่า “ดีแล้วครับที่ไม่ใช่บ้านบ่อน เพราะหลังนั้นผีเฮี้ยนมาก” ซึ่งเขาได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกงง

บ้านสีแดง
ใช้เพื่อประกอบบทความเท่านั้น

เขาจึงได้ถามว่าบ้านบ่อนคืออะไรหรือครับ ซึ่งลูกค้าเขาก็ได้เล่าให้ฟังว่า “เมื่อก่อนอ่ะมันมีคนซื้อบ้านเพื่อทำบ่อน และมันซื้อ 2 หลังติดกัน หลังหนึ่งเปิดบ่อน อีกหลังเอาไว้นอน และเป็นคนที่มั่นใจคิดว่าตัวเองมีผู้มีอิทธิพลหนุนหลัง ไม่มีใครสามารถทำอะไรเขาได้ แทนที่มันจะเปิดบ่อนเงียบ ๆ มันทาสีแดงบ้านทั้ง 2 หลัง จากนั้นตำรวจบุกไปจับ แล้วยิงเจ้าของกับลูกน้องที่บ่อนตาย ซึ่งเขาบอกว่าผีเฮี้ยนมาก แต่เท่าที่ฟังดูบ้านของซันไม่น่าจะเกี่ยวข้องอะไร” ซึ่งเขาได้ฟังแบบนั้นก็สบายใจเพราะคิดว่าตัวเองเจอแจ็กพอตซะละ

เมื่อเขากลับมาถึงบ้านเขาก็ได้มองหาบ้านหลังสีแดง ซึ่งเขาก็เห็นบ้านสีแดงจริง แต่เห็นอยู่ไกล ๆ และมีแค่หลังเดียว เขาก็สบายใจ และคิดว่าจะถ่ายรูปไปให้ลูกค้าเขาดู จนเขานั้นลืมเรื่องนี้ไปเลย จนมาถึงช่วงหนึ่งลูกค้าของเขานั้นลูกเขาได้เดินทางไปต่างประเทศ เขาจึงไม่ได้ไปดูแลพ่อของเขา พอเข้าช่วงเดือนที่ 6 ยอดขายเขาก็เริ่มตกลงอย่างมาก อีกทั้งภรรยาของเขาก็บอกว่าเขารู้สึกแปลก ๆ กับบ้านหลังนี้ บางคืนก็ได้ยินเสียงประตูเปิดปิด ทั้งที่ล็อกกลอนเรียบร้อย บางวันก็ได้ยินเสี่ยงผู้หญิงร้องไห้โหยหวน

บ้านมือ 2
ใช้เพื่อประกอบบทความเท่านั้น

ซึ่งเมื่อเขาได้ฟังดังนั้นเขาจึงตัดสินใจติดกล้องวงจรปิด เพราะตัดปัญหาไม่อยากทะเลาะกัน เมื่อได้ยินเสียงภรรยาเขาก็ปลุกมาดูเพราะเขาไม่กล้าดูเอง เมื่อเขาดูก็ไม่เจออะไร เห็นแต่ความมืด และคลื่นซ่า ๆ เท่านั้น ในช่วงที่เขาแย่ทั้งเรื่องงาน เรื่องที่บ้าน กำลังใจที่ดีของเขาในตอนนั้นคือลูกสาวของเขา ซึ่งลูกสาวเขาอายุ 10 เดือนกำลังหันเดิน ซึ่งลูกสาวเขานั้นชอบเดินไปที่ประตูตลอด ซึ่งเขาเลยชอบแซวว่าโตขึ้นต้องเที่ยวเก่งแน่เลย เพราะปล่อยเดินทีไร ลูกก็เดินไปที่ประตูตลอด 

จนมีวันหนึ่งเขานอนที่โซฟาด้านล่าง เขาได้ยินเสียงคนฮัมเพลง ซึ่งเมื่อเขาตื่นเขาก็เห็นลูกสาวเขายืนอยู่ประตูและกำลังฮัมเพลงอยู่ ซึ่งเขาก็ได้อุ้มลูก และเดินไปหาภรรยาพร้อมกับแซวว่าตัวแค่นี้ฮัมเพลงได้แล้วนะ พร้อมกับฮัมเพลงนั้นขึ้น พร้อมกับถามภรรยาว่าสอนลูกหรอ? แต่ภรรยานั้นก็ปฏิเสธว่าไม่ได้สอน เขาก็เริ่มรู้สึกว่าแปลก ถ้าไม่ใช่เขาและภรรยาสอน แล้วลูกไปได้ยินจากที่ไหนมา 

เมื่อเข้าสู่เดือนที่ 7 นอกจากยอดขายของเขาจะตกแล้ว ลูกสาวของเขาจากที่แข็งแรงก็เป็นเด็กที่ป่วยง่ายมาก จนเขานั้นได้เริ่มดึงตัวลูกน้องเก่าเขามาช่วย เลยให้ลูกน้องมานอนที่บ้าน พรุ่งนี้จะได้ออกสำรวจตลาดกันแต่เช้า ลูกน้องเขานอนที่โซฟาด้านล่าง อยู่ดี ๆ ก็ตะโกนว่าช่วยด้วย ๆ ผีหลอก ๆ ซึ่งเมื่อเขาวิ่งลงไปเขาก็พาลูกน้องขึ้นมานอนด้วยข้างบน จนเช้าลูกน้องของเขาก็ได้เล่าให้ฟังว่า เขาตื่นมาเข้าห้องน้ำกลางดึก พอเดินออกมาผมเห็นผู้หญิงตัวดำ ผอมจนเนื้อติดกระดูกร้องไห้โหยหวนพร้อมกับบอกว่า “คืนลูกให้ฉันเถอะ” แต่พอพี่เดินลงมาเขาก็หายไป 

ผีผู้หญิง
ใช้เพื่อประกอบบทความเท่านั้น

และเหตุการณ์นี้ผ่านไป กลางดึกวันหนึ่งอยู่ดี ๆ เขาก็ได้ยินเสียงภรรยาเขากรี้ด เมื่อเขาวิ่งออกไปดูตรงระเบียงชั้น 2 ก็เห็นภรรยายืนกอดลูกและร้องไห้ ซึ่งเมื่อเขาถามภรรยาก็ตอบว่า เขาได้ยินเสียงลูกหัวเราะ ซึ่งเมื่อลุกมากลับไม่เห็นลูก จากนั้นเขาก็เดินมาดูลูกตรงระเบียงชั้น 2 ก็เห็นว่าลูกยืนอยู่ตรงประตูหน้าบ้าน และเห็นผู้หญิงตัวดำผอมจนเนื้อติดกระดูกยื่นมือมาจะจับลูกเขา เขาเห็นแบบนั้นเลยรีบวิ่งไปกอดลูก 

จากเหตุการณ์นั้นเขาเลยกลับมาคิดเรื่องบ้านบ่อนที่ลูกค้าเขาเคยเล่าให้ฟัง เมื่อคิดได้แบบนั้นเขาจึงไปดูที่รั้วบ้านของเขาและตัวบ้านภายนอก เขากลับพบว่ามันมีรอยการทาสีน้ำเงินทับไป และบ้านข้าง ๆ ที่เป็นสีส้ม จริง ๆ แล้วมันเป็นสีแดงที่ซีดไปแล้ว

เขาเลยนัดเพื่อนที่เป็นหมอดูเพื่อมาดูบ้านว่าที่นี่มีอะไร เมื่อเพื่อนของเขามาดู เพื่อนเขาบอกเลยว่า “ขอไม่เข้าบ้านนะ กูเอาไม่อยู่อ่ะ เดี๋ยวจะนัดอาจารย์ให้นะ” ซึ่งพอตกตอนเย็น ลูกสาวเขาก็ไข้ขึ้นจนต้องเข้าโรงพยาบาล ซึ่งเมื่อตอนเช้าเขาก็ได้พาอาจารย์และเพื่อนของเขามาดูบ้าน ซึ่งพอมาถึงที่บ้าน อาจารย์พูดเลยว่าแรงมาก คำแรกที่อาจารย์บอกเมื่อเดินเข้ารั้วบ้านเลยคือ “อย่าเข้าทางหน้าบ้าน” เขาจึงได้พาอาจารย์ไปเปิดประตูหลังบ้าน และเมื่อเขาเข้าบ้าน อาจารย์บอกว่าแก้ได้นะ แต่จะต้องรื้อ รื้อได้ไหม? เขาก็ตกใจเพราะในตอนนั้นเขาไม่มีเงินเก็บแล้ว 

อาจารย์จึงบอกให้เขาไปแกะประตูหน้าบ้านของเขาออก แล้วจากนั้นอาจารย์ก็ให้เขาเอากระดาษทรายขัด กลับพบว่าประตูที่ดูหนาแข็งแรงนั้นมีไม้ 3 แผ่นประกบกันอยู่ อาจารย์จึงบอกให้เขางัดออกจากกัน เมื่องัดออกปรากฏว่าแผ่นที่อยู่ตรงกลางคือฝาโลงศพ พร้อมกับมีเลือดเปื้อนติดอยู่ด้วย อาจารย์จึงบอกว่านี่มันคือเลือดของผีตายทั้งกลม มันถูกสร้างมาเพื่อใครก็ตามที่ได้เข้ามาที่นี่ต้องฉิบหาย เพื่อที่จะขัดโชคลาภ เมื่ออาจารย์เดินเข้าไปในบ้านเขาก็บอกให้ทุบคานตรงกลางของบ้าน ซึ่งเมื่องัดออกกลายเป็นว่าคานบ้านนั้นถูกตีด้วยไม้อัดให้เป็นกล่องสี่เหลี่ยม เมื่อดูภายในกลับพบว่ามีผ้าอนามัย และไอ้งั่งอยู่ในนั้น ซึ่งเมื่อเอาออกมากลับพบว่ามีอยู่เยอะมาก ผ้าอนามัยที่เปื้อนเลือด พร้อมกลับเขียนบางอย่างแต่ทุกอันจะมีคนว่า ซวย ตาย โชคร้าย ไว้เยอะมาก

พระเศียร์ขาด
ใช้เพื่อประกอบบทความเท่านั้น

ซึ่งอาจารย์เลยวิเคราะห์ว่าเขาน่าจะตั้งโต๊ะพนันไว้ให้พ้นใต้คานนี้ แล้วในนักพนันนั่งตรงใต้คานไม้นี้ เพื่อที่จะดับดวงของนักพนันนั่นเอง และอีกที่คือตรงห้องน้ำชั้นล่าง อาจารย์สั่งให้เขาทุบโถ่ฉี่ออก ปรากฏว่าภายในนั้นมีพระพุทธรูปองค์หนึ่งที่เศียรหักแล้ววางไว้ที่ตัก พร้อมกับมีผ้าอนามัยปิดอยู่ด้วย ซึ่งเขาตกใจอย่างมาก ทางอาจารย์จึงบอกว่าต้องทุบทิ้งเพราะนี่มีเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น หากเขาไม่ทุบลูกสาวเขาตายแน่ เพราะผีตายทั้งกลมนั้นจะเอาลูกสาวเขาไปแทนที่ลูกของเขา เขาจึงได้ตัดสินใจทุบ และทำลายทุกอย่าง ส่วนป้ายของซอยนั้น เขาสร้างขึ้นเพื่อให้ผีผ่านเข้าบ้านหลังนี้เพื่อที่จะให้ทุกคนที่อยู่นั้นซวย เขาจึงได้รื้อบ้านออก และย้ายไปอยู่ที่อื่น 

ขอบคุณเรื่องราวสุดหลอนจาก : TheGhostRadio