เรื่อง ตำนานผีกระสือ ที่มีการเล่าขานกันมาอย่างยาวนาน ซึ่งตำนานของผีกระสือนั้นได้ทำการบอกเล่ากันมาอย่างต่อเนื่อง ลักษณะของผีกระสือ
ทำความรู้จักกับ ตำนานผีกระสือ ผีในตำนาน
ตำนานผีกระสือ ในสมัยอดีตนั้นเคยมีความเชื่อกันว่า ผีกระสือ ก็คือภูตชนิดหนึ่ง ที่มีวิบากกรรมที่ทำให้เป็นภูตผี ซึ่งตอนเป็นมนุษย์หากินในทางที่มิชอบ คือการหลอกลวงต้มตุ๋นเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน อย่างเช่น การนำของปลอมมาเพื่อหลอกขายว่าเป็นของจริง หรือของโบราณที่ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือชายก็ตามแต่ หากตายไปแล้วก็จะไปเป็นเปรตก่อน มีความหิวโหยอย่างมาก ชอบกินแต่ของบูดของเน่า เพราะวิบากกรรมนั้นมีพฤติกรรมที่สกปรก โลภมากอยากได้ทรัพย์ของผู้อื่นในทางที่มิชอบ พ้นสภาพจากการเป็นเปรต หากกรรมยังไม่หมดก็จะมาเกิดเป็นภูตผี จะกินได้เฉพาะของสกปรกเท่านั้น ของคาว ของเน่าเหม็น โดยจะเข้าสิงได้เฉพาะบุคคลที่มีวิบากกรรมเหมือนที่ตัวเองนั้นเคยได้ทำเอาไว้ตอนที่ยังเป็นมนุษย์อยู่ มันถึงจะดูดให้เข้าไปหากันได้ ไม่ใช่ว่าอยากเข้าสิงใครก็สิงได้
ทั้งนี้แล้วภูตผีที่มีลักษณะรูปร่างที่คล้าย ๆ กับผี แต่มีฤทธิ์ที่มากกว่า นั่นก็คือสามารถทำการแปลงกายให้เป็นสัตว์ได้ แต่ผีนั้นแปลงกายไม่ได้ ภูตบางตนแปลงได้อย่างมากมาย บางตนแปลงได้น้อย แต่บางภูตแปลงได้ถึง 2 อย่าง 3 อย่าง 4 อย่าง บางภูตแปลงได้แค่เป็นหมาตัวสีดำตัวใหญ่ ๆ เท่านั้น บางภูตแปลงเป็นงูได้ เป็นต้น ซึ่งภูตนั้นก็จะมีชีวิตสิงมนุษย์อยู่เหมือนกาฝากที่ติดตามต้นไม้ต่าง ๆ ซึ่งหากยิ่งอยู่นานไปก็จะยึดไปทั้งร่างกาย และยึดทางด้านจิตใจของมนุษย์นั้นเอง เหมือนกาฝากที่ทำการขยายขึ้นปกคลุมต้นไม้ ซึ่งพวกนี้จะชอบที่มืด ไม่ชอบแสงสว่างเลย แต่ไม่มีหัว และไส้ตามที่เข้าใจ เพราะจะทำการถอดจิตของเจ้าของร่างออกในขณะที่เจ้าของร่างนั้นกำลังนอนหลับ เมื่อถอดออกไปแล้วเจ้าของร่างก็จะไปไหนไม่ได้ จะเห็นเป็นเพียงดวงไฟสว่างเป็นสี ๆ เท่านั้นซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีสีเหลือง สีแดง สีเขียว สีส้ม ลอยขึ้น ๆ ลง ๆ เพื่อออกหาอาหาร ดวงนั้นก็คือดวงจิตของมนุษย์ที่มีวิบากกรรมอยู่ แล้วถูกบังคับเพื่อให้ออกมา โดยภูตจะหุ้มส่วนของดวงจิตนั้นไว้ ซึ่งมนุษย์ก็จะได้เห็นแค่เพียงดวงลอยไปเท่านั้น แต่มองไม่เห็นตัวภูต
เช่นเดียวกันกับ กระสือ ก็ชอบกินแต่ของสกปรกของคาว หรือของเหม็นเน่า เวลากินก็จะต้องทำการแปลงร่างเป็นภูตก่อน จะมีรูปร่างที่คล้าย ๆ คน ผอม ๆ ดำ ๆ น่าเกลียด และไม่นุ่งผ้า แต่คนจะมองเห็นแค่ดวงไฟเท่านั้น แต่ตัวก็จะแปลงพรึบขึ้นมาเลย มันจะกึ่งหยาบ กึ่งละเอียด แล้วก็กินแต่ของเน่าสกปรกด้วยความเอร็ดอร่อย เพราะวิบากกรรมนั้นได้บังคับเอาไว้ เมื่อกินเสร็จแล้วจะมาทำการเช็ดปากกับเสื้อผ้าที่ชาวบ้านได้ทำการตากทิ้งไว้ค้างคืน แล้วก็ทิ้งร่องรอยอันแสนสกปรกเอาไว้ ซึ่งมีความเชื่อว่าถ้าหากเอาผ้าที่ผีกระสือเช็ดปากไปฟาดไว้ที่บันไดก็จะทำให้คนที่เป็นกระสือเกิดปากบวมขึ้นมาบ้าง หรือเอาผ้าไปต้มให้กระสือปวดแสบปวดร้อน
แต่ก็มีบางประวัติที่ทำการกล่าวเอาไว้ว่า ผีกระสือจะสิงเด็ดขาดในผู้หญิง และเวลากลางวันจะมีร่างที่คล้ายกับผู้หญิงทั่วไป มีพฤติกรรมที่แปลก ๆ คล้าย ๆ กับคนป่วย แต่ตกเวลากลางคืนดึก ๆ วิญญาณร้ายที่ได้สิงอยู่ในส่วนลึกของจิตใจนั้นจะทำการบีบเค้นให้ศีรษะ และอวัยวะภายในนั้นหลุดออกจากร่าง และลอยออกไปเพื่อล่าเหยื่อกินวัวควาย และกินสัตว์เล็ก ๆ ประเภทกบเขียดแต่มักจะหลบคน และไม่ทำร้ายคนเลยนอกจากจะจนมุมจริง ๆ ชอบกินเครื่องในโดยเฉพาะไส้ที่เป็นแบบสด ๆ จากนั้นก็จะไปเช็ดปากตามผ้าที่ผู้คนได้ตากไว้ตามบ้านต่าง ๆ นั้นเอง
นอกจากนี้แล้วผีกระสือยังชอบกินอีกอย่าง นั่นก็คือ อุจจาระ เนื่องจากว่าคนสมัยก่อนจะไม่มีส้วม แต่จะทำการขุดหลุมเพื่อใช้เป็นส้วมชั่วคราว ทำให้ผีกระสือนั้นสามารถไปกินอุจจาระได้แบบง่าย ๆ จนชาวบ้านนั้นแทบทนไม่ไหวต้องให้หมอผีมาทำการปราบ แต่การปราบกระสือนั้นไม่สามารถไล่ออกจากร่างของเหยื่อที่เคราะห์ร้ายได้ เพราะวิญญาณนั้นได้หยั่งลึกลงในใจของคนคนนั้นไปแล้ว ฉะนั้นในการปราบกระสือก็เท่ากับต้องฆ่าคนคนนั้นไปด้วยเลย
ลักษณะที่มีความพิเศษอีกอย่างของกระสือนั่นก็คือจะมีดวงไฟที่วูบวาบอยู่ที่หัวใจ ซึ่งมีความเชื่อกันว่านั่นคือวิญญาณที่ได้สิงอยู่ในตัวของคนที่เคราะห์ร้าย เมื่อมองจากที่ไกล ๆ แล้วจะเห็นว่าเป็นดวงไฟเขียว ๆ ส่องแสงสลัว ๆ ภายในความมืด ผีกระสือนั้นมีความรอบคอบอยู่พอตัว เพราะเมื่อได้ออกจากร่างไปหากินแล้ว เขาจะคาบผ้าห่มมาเพื่อคลุมร่างไร้หัวของเขาไว้ก่อนออกไป ร่างของเขานั้นจะไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ พูดตรง ๆ เลยก็คือจะกลายเป็นศพที่อยู่ขณะหนึ่ง ไม่มีความรู้สึกนึกคิดอะไรเพราะอวัยวะภายในนั้นได้หลุดออกไปหมดแล้ว ร่างนั้นจะสงบนิ่งอยู่จนกว่าเขาจะกลับมาเพื่อเข้าร่างเดิมอีกครั้ง
ตำนานผีกระสือ
ผู้เฒ่าผู้แก่ได้ทำการบอกเล่าถึงเรื่องราวเกี่ยวกับ “ผีกระสือ” ไว้ว่า ผีตัวนี้มีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ซึ่งเป็นผีผู้หญิงคนหนึ่งที่ยามปกติใช้ชีวิตปะปนกับผู้อื่นในสังคม แต่จะเกลียดกลัวแสงแดด แต่ตกดึกจะทำการถอดหัวกับไส้ออกจากร่างเพื่อไปหากิน โดยปรากฏเป็นแสงไฟสีเขียว ๆ ที่ล่องลอยอยู่บนฟากฟ้ายามค่ำคืน ของที่ผีพวกนี้ชอบกินนั่นก็คือของเน่าเสียหรือสิ่งปฏิกูลต่าง ๆ และมีอีกอย่างที่กระสือชอบกินอย่างมากเป็นพิเศษนั่นก็คือ “รกเด็ก”
ในสมัยโบราณนั่นเมื่อบ้านใดที่มีหญิงตั้งครรภ์ ชาวบ้านก็มักจะมีความเชื่อกันว่ากระสือจะต้องไปเฝ้าดูที่บ้านหลังนั้นเพื่อกินรกของเด็กอย่างแน่นอน ซึ่งจึงก็มักจะนำปลายไม้ไผ่แหลม ๆ หรือสิ่งของที่มีคมต่าง ๆ มาทำการล้อมไว้รอบ ๆ บ้าน เพราะเชื่อกันว่าเป็นสิ่งที่กระสือนั้นกลัว และเกลียดมากที่สุดนั่นก็คือ เพราะเมื่อใดที่ผีกระสือนั้นเข้าไปใกล้สิ่งของแหลม ๆ เหล่านั้น ไส้ที่ระโยงระยางของผีกระสือนั้นจะไปเกี่ยวกับไม้ และเป็นการยากอย่างมากที่จะออกได้
การสืบสายพันธุ์ของผีกระสือ
กระสือที่ทำการสืบทอดทายาทมาโดยการให้ผู้ที่ตนเองนั้นต้องการจะให้เป็นทายาทกินน้ำลายของตัวเองเข้าไป และแล้วบุคคลผู้นั้นก็จะค่อย ๆ ซึมซับความเป็นผีกระสือไปแบบทีละนิดทีละหน่อย จนนานวันเข้าก็จะกลายเป็นทายาทของผีกระสือไปนั่นเอง ปัจจุบันไม่มีข้อมูลว่ามีผู้ที่พบเห็นผีตัวนี้อยู่หรือไม่ หรือผีกระสือนั้นอาจจะหายไปกับวัฒนธรรมของวิถีชาวบ้านที่ถูกกระแสของกาลเวลานั้นเปลี่ยนแปลงไป
ขอบคุณบาความดี ๆ จากเว็บ kapook