ชวนขนหัวลุก

ชวนขนหัวลุก พระเล่นของ !!

เรื่อง ชวนขนหัวลุก เมื่อพระที่เคยถือทางธรรม ได้ลืมสิ้นเรื่องความถูกต้อง และศีลธรรม ก้าวเข้าไปสู่คุณไสย มนต์ดำวิชาอาคม สาปส่งคนอื่น เล่นของจนผู้อื่นถึงแก่ความตาย !!

เรื่องเล่า ชวนขนหัวลุก พระเล่นของ 

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แม่ และยายเล่าให้ฟัง เรื่องเล่า ชวนขนหัวลุก ตอนที่กลับไปที่บ้านยาย แม่กับยายที่ไปวัดด้วยกันบ่อย ๆ ก็ชวนผมไปด้วย ซึ่งตัวผมเองก็ไม่อยากจะไปขัดอะไร เพราะผมก็ไม่ได้วัดแถวบ้านนานแล้วเหมือนกัน เป็นโอกาสดีที่จะได้ไปไหว้หลวงพี่ที่นับถือ ที่ผมเคยแวะเวียนไปนั่งเรียนหนังสือ และช่วยทำงานในวัดอยู่บ่อย ๆ พอทำบุญเสร็จแล้ว จึงถามยายกับแม่ว่า หลวงพี่เย็นไม่อยู่ที่วัดนี้แล้วเหรอ แม่กับยายมองหน้ากันด้วยสีหน้าที่ไม่ดีนัก แม่บอกให้ผมพูดเบา ๆ ก่อนที่จะบอกให้ผมขึ้นรถ แล้วบอกว่าจะเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังที่บ้าน 

เมื่อมาถึงบ้านผมก็ถามย้ำอีกรอบว่า หลวงพี่เย็นย้ายไปจำวัดที่อื่น หรือมีเรื่องอะไร แม่จึงเริ่มเล่าให้ผมฟังว่า หลวงพี่เย็นแกทำสิ่งไม่ดี จนต้องหนีหายออกไปจากวัด จนป่านนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าแกไปอยู่ที่ไหน แม่เล่าย้อนกลับไปว่า ตั้งแต่ที่ผมไปอยู่กับพ่อที่ต่างจังหวัด หลวงพี่เย็นแต่ก่อนก็อย่างที่ผมรู้ แกใจดี ทั้งเป็นมิตร ชอบช่วยเหลือชาวบ้าน แต่จู่ ๆ วันหนึ่งก็เกิดเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิด

เพราะลูกสาวของป้าเต้ย ที่อยู่ห่างออกไปหลายกิโลจากบ้านของผมเกิดท้อง และตายทั้งกลมอย่างไม่มีสาเหตุ งานศพก็จัดขึ้นที่วัดใกล้ ๆ บ้านผม แม่บอกผมว่าหมาพากันหอนระงม ได้ยินกันทั่วทั้งหมู่บ้าน จนชาวบ้านแถวนั้นรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ก็เลยอยากจะให้เจ้าอาวาสทำอะไรสักอย่าง ซึ่งท่านเองก็เป็นพระที่ถือปฏิบัติอย่างเดียว ไม่ได้มีวิชาอาคม หรือว่ามนต์ดำอะไร จึงไม่สามารถที่จะหยุดไม่ให้เกิดเรื่องเหลือเชื่อขึ้นได้ 

เรื่องเล่า ชวนขนหัวลุก

แม่บอกผมว่า ชาวบ้านพากันปิดบ้านเงียบ ตั้งแต่เวลา 6 โมงเย็น เพราะว่าพอพระอาทิตย์ ลูกสาวป้าเต้ยที่เฮี้ยนมาก ๆ ก็จะเดินอุ้มท้องออกมา วิ่งตามทั้งรถมอเตอร์ไซด์ที่ขี่ผ่าน บางทีก็หลอกว่าใกล้จะคลอดให้คนตกใจ มาถึงตรงนี้ ผมก็ถามว่าแล้วเกี่ยวอะไรกับหลวงพี่เย็น แม่เล่าให้ผมฟังต่อว่า ลูกสาวป้าเต้ยที่นับวันยิ่งเฮี้ยน 

จู่ ๆ ก็หายเงียบไป จนเริ่มมีข่าวลือว่า พระในวัดเป็นคนจัดการ สืบไปสืบมาก็ว่าเป็นหลวงพี่เย็น ที่เป็นคนใช้มนต์คาถาสะกดวิญญาณเอาไว้ ไม่ให้ออกมาก่อกวนชาวบ้านอีก จนเมื่อถึงวันที่จะฌาปนกิจศพ ญาติผู้หญิงคนหนึ่งของป้าเต้ย ก็เกิดอาการเหมือนผีเข้า ร้องห่มร้องไห้ไม่หยุด เอาแต่ร้องขอป้าเต้ยให้ช่วย แต่พอถามว่าจะให้ช่วยอะไร กลับไม่ยอมตอบ 


จนญาติที่เหมือนโดนเข้าสิง เห็นหลวงพี่เย็นเดินมา ก็ชี้นิ้วไปที่หลวงพี่เย็น แล้วโวยวายไม่ยอมหยุด ไอ่ระยำ มึงเป็นคนทำกู !! คนในนั้นก็พากันตกใจ จนเมื่อพิธีผ่านไปเสียงซุบซิบนินทาก็เริ่มกระจายไปทั่ว ว่า หลวงพี่เย็นน่าเป็นพระที่เรียนคุณไสย หรือมนต์ดำอะไรสักอย่างแน่ ๆ แต่ข่าวลือนี้ก็ค่อย ๆ เงียบหายไป 


แล้วก็มีเรื่องใหม่เข้ามา ไอ่ทวย คนขี้เมา ที่ผมเองก็เคยเจอ ได้วิ่งหนีหญิงสาวสวยคนหนึ่ง ที่เป็นหลานสาวของผู้ใหญ่บ้าน หญิงสาวตะโกนว่า มาเป็นผัวกูซะดี ๆ ทำให้คนในหมู่บ้านงงกันไปใหญ่ เพราะจริง ๆ แล้วหลานสาวของผู้ใหญ่ อีกแค่ไม่กี่วันก็จะต้องแต่งงานแล้ว ผู้ใหญ่บ้านอับอายมาก ที่หลานสาวจะทิ้งคู่หมั้น ที่เป็นลูกหลานคนจีน มาอยู่กินคนขี้เมาอย่างไอ่ทวย ซึ่งไอ่ทวยเอง ก็ดูจะไม่ชอบใจนัก เพราะแค่อยากมีอะไรด้วย แล้วก็ทิ้ง แต่ของที่ได้มากลับแรงเกินไป แล้วของที่ได้มาคืออะไร ?? 

มันคือ น้ำมันพราย คนลือกันว่าไอ่ทวยใช้น้ำมันพรายดีดใส่หลานสาวผู้ใหญ่บ้าน เพราะตอนที่ไอ่ทวยไปกินเหล้าเมากับเพื่อน ด้วยความเมามันก็เลยหลุดปากเล่าออกไป ว่าหลวงพี่ทำมันพรายจากลูกสาวป้าเต้ยมาขายให้ ใครอยากมีเมียก็ให้ไปขอซื้อ แลกกับอะไรก็ได้ พอบอกความจริงไปแค่วันเดียว ไอ่ทวยก็ตาย !! ชาวบ้านบางคนคิดว่ามันกินเหล้าจนตาย บางคนก็ว่าหลวงพี่เย็นจัดการ ที่มันปากโป้ง เมื่อเรื่องไม่ดีจ่าง ๆ เกี่ยวกับหลวงพี่เย็นเริ่มหนาหูมากขึ้น ผู้ใหญ่บ้านที่พาหลานสาวมารดน้ำมนต์ และฝากให้สงบจิตใจที่วัด กับแม่ของหลาน ก็อยากจะช่วยให้เจ้าอาวาสหาทางคิดแก้ไข และหาทางพิสูจน์ความจริง 

เจ้าอาวาสเห็นว่าเป็นเรื่องในวัดที่ตัวเองดูแล จึงรับปากจะช่วยหาความจริงให้ เจ้าอาวาสจึงเรียกหลวงพี่เย็นเข้ามาพูดคุย และถามถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น หลวงพี่เย็นปฏิเสธทุกอย่าง และบอกว่าตัวท่านเองรู้ดีว่า เรื่องพวกนี้ไม่เหมาะสม จะไปกระทำเรื่องพวกนี้ได้อย่างไรกัน ตอนที่ฟังแม่เล่า ผมก็คิดแบบนั้นครับ เพราะจากที่เคยสนทนาธรรมกับหลวงพี่เย็นเมื่อตอนเด็ก ๆ ท่านไม่มีวี่แววของสิ่งเหล่านี้ แต่เพราะจู่ ๆ เจ้าอาวาสก็เกิดอาพาธขึ้นมาอย่างหนัก จนเด็กวัดต้องคอยดูแลกันอย่างใกล้ชิด เด็กวัดเห็นว่าอาการของเจ้าอาวาสเริ่มจะไม่ไหว 

พระเล่นของ

ก็เลยจะไปปรึกษาหลวงพี่เย็นให้ไปติดต่อชาวบ้าน พาเจ้าอาวาสไปหาหมอ เพราะตอนนั้นเป็นเวลาค่ำมากแล้ว แต่พอไปถึงกุฏิของหลวงพี่เย็น ภายในกุฏิสว่างอยู่ แต่ไม่มีเสียงคนตอบรับ เด็กวัดจึงเดินขึ้นไป และเริ่มได้ยินเสียงเหมือนคนสวดคาถาอะไรสักอย่าง เมื่อเด็กวัดกำลังจะเปิดประตูเข้าไป แต่ประตูล็อคจากด้านใน จึงพยายามร้องเรียกหลงพี่เย็นอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับอีก แต่ยังได้ยินเหมือนคนสวดอะไรบางอย่างอยู่ เด็กวัดจึงตัดสินใจเอาบันไดมาพาดที่ด้านข้างหน้าต่าง และปีนขึ้นไปแอบมอง

สิ่งที่เด็กวันคนนั้นเห็น ทำให้ตกใจจนตกลงมา คือ หิ้งที่ตั้งสิ่งของต่าง ๆ ในกุฏิของหลวงพี่เย็น มันเต็มไปด้วยของคุณไสยดำ ทั้งรูปปั้นควาย หัวกะโหลกคนที่ไม่รู้ว่าเป็นของใคร และอีกหลายอย่างที่ดูก็ว่าเป็นของที่ไม่ควรจะมีอยู่ในกุฏิพระ ที่ถือปฏิบัติทางธรรม เด็กวัดบอกว่าพอแอบมองได้แค่แปปเดียว จู่ ๆ ก็เหมือนเห็นหน้าของหลวงพี่เย็น พุ่งเข้ามาหาด้วยความเร็ว และจ้องมองด้วยความดุดันอยู่ที่หน้าต่าง 

เด็กวัดคนนั้นตกใจมาก จึงตกลงมาจากบันไดนั้นเอง จากนั้นจึงพยายามวิ่งหนีออกจากวัด เพื่อไปหาชาวบ้านที่อยู่ในระแวกใกล้เคียง ก่อนที่ชาวบ้านจะแจ้งผู้ใหญ่บ้าน และพากันไปดูที่กุฏิของหลวงพี่เย็น ชาวบ้านที่รวมตัวกันไปกว่า 10 คน ช่วยกันพังกุฏิเข้าไป และเจอกับสิ่งที่เด็กวัดบอกให้จริง ๆ แต่หลวงพี่เย็นไม่อยู่แล้ว หลวงพี่เย็นได้ใช้มนต์ดำในทางที่ไม่ถูกต้อง และพรากเอาชีวิตของคนอื่นไป เด็กที่อยู่ในท้องของลูกสาวป้าเต้ย ก็เป็นลูกของหลวงพี่เย็นนะ ทำเอาผมตกใจไม่น้อยเลย ลูกสาวของป้าเต้ย แอบไปนัดเจอกับหลวงพี่เย็นอยู่บ่อย ๆ ในช่วงเวลากลางดึก ก็เคยมีชาวบ้านเห็นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นพระรูปไหน หรือลูกสาวบ้านไหน

เพราะตอนที่เห็นก็เป็นตอนที่มืด และพอมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน เกิดท้องขึ้นมา หลวงพี่เย็นก็รับปากว่าจะสึกออกมารับผิดชอบ แต่ที่ไหนได้พอโดนกดดันมาก ๆ เข้า ก็เอาวิชาอาคมที่เคยร่ำเรียนมาตั้งแต่สมัยยังไม่บวช สาปส่งให้ทั้งหญิงที่ตัวเองเคยรัก และลูกที่ยังไม่ได้ลืมตาดูโลกตายจากไปอย่างไม่ใยดี แค่นั้นยังไม่พอ ยังต้องสะกดวิญญาณ ก่อนจะทำพิธีเอาน้ำมันคนตาย มาทำเป็นน้ำมันพราย แลกกับการให้ไอ่ทวยไปช่วยหาสิ่งของที่ต้องการ แต่พอเอาวิชามาใช้แล้ว ก็หยุดไม่ได้ หลวงพี่เย็นลืมสิ้นว่าเคยเป็นพระที่ถือทางธรรม ละทางโลก เมื่อโดนกดดันจากเจ้าอาวาสก็คิดแค่ว่าต้องทำให้ตัวเองรอดพ้นไปให้ได้ จะได้ไม่มีข้อกังขาอะไรอีก แต่กลับถูกเด็กวัดเปิดเผยตัวจริงเสียก่อน 

ขอบคุณเรื่องเล่าจาก เล่าเรื่องผี